ศรัณยา สุวรรณพรหม นายกอบจ.หญิงคนแรก ‘หนองบัวลำภู’ ‘สม่ำเสมอทุกพื้นที่ ไม่หนีประชาชน’

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หนองบัวลำภู วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีผู้สมัครถึง 6 คน มีทั้งแชมป์เก่า, เครือข่ายพรรคเพื่อไทย และผู้สมัครอิสระ ที่น่าสนใจคือครึ่งหนึ่งเป็นผู้สมัครหญิง ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่า “ศรัณยา สุวรรณพรหม” อดีตรองนายก อบจ.เป็นผู้คว้าชัยชนะ ขึ้นแท่นเป็นนายก อบจ.หญิงคนแรกของจังหวัดหนองบัวลำภู

หากส่องประวัติของนายก อบจ.คนใหม่ เป็นชาวหนองบัวลำภูโดยกำเนิด จบการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านกุดสะเทียน ต.กุดสะเทียน อ.ศรีบุญเรือง, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่โรงเรียนนากลางศึกษาวิช จากนั้นศึกษาต่อระดับ ปวช. จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี และ ปวส.จากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพณิชยการพระนคร ก่อนเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีศึกษาศาสตรบัณฑิต ธุรกิจศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ส่วนเส้นทางการเมืองเริ่มจากการทำหน้าที่ผู้ช่วย ส.ส.ให้พี่ชาย “ว่าที่ พ.ต.สรชาติ สุวรรณพรหม” ปัจจุบันคือ “ว่าที่ พ.ต.ดร.สรชาติวิชญ์ สุวรรณพรหม” ส.ว.หนองบัวลำภู

นายกศรัณยา หรือนายกเอ๋ เล่าว่า ก่อนเข้ามาทำงานการเมือง เป็นอดีตพนักงานของธนาคารกรุงเทพ จำกัด แต่ตัดสินใจลาออกมาช่วยงานพี่ชายเป็นผู้ช่วย ส.ส. ตั้งแต่ปี 2542 จากนั้นเดินเข้าสู่ถนนสายการเมืองท้องถิ่น เริ่มต้นเป็น ส.อบจ.อ.หนองบัวลำภู อ.โนนสัง ทำงานนาน 5 สมัย เป็นเวลา 20 ปี ต่อมาปี 2562 ได้ทำหน้าที่ประธานสภา อบจ.ด้วย แต่ตัดสินใจลาออกจาก ส.อบจ.ก้าวสู่เส้นทางการเมืองระดับชาติ โดยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หนองบัวลำภู เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคพลังประชารัฐ รอบแรกไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังคงทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่ทำงานทั้งงานรัฐ งานชาวบ้าน ยึดหลัก “สม่ำเสมอทุกพื้นที่ ไม่หนีประชาชน” พูดถึงตรงนี้ นายกเอ๋เสียงสั่น น้ำตาคลอ เพราะตื้นตันด้วยความรู้สึกผูกพันกับประชาชนมาตลอด

“ถือว่าพี่น้องประชาชนคือหัวใจสำคัญ มันเป็นความรู้สึกที่ผูกพันจริงๆ เมื่อไปไหนมีพี่น้องประชาชนมากอดมันเป็นความรู้สึกอบอุ่นจากหัวใจจริงๆ แม้แต่ตอนที่ชนะการเลือกตั้งแล้ว ได้ไปร่วมงานที่ไหน ยังได้ยินเสียงชาวบ้านพูดว่า เป็นนายกแล้ว จะมาให้พวกเรากอดอีกหรือไม่ จะเข้ามาหาเราไหมเรื่องนี้มันเป็นความรู้สึกที่ผูกพันจากใจ ไปที่ไหนก็จะไหว้และกอดกับประชาชนตลอด ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนจริงๆ ที่ให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่นายก อบจ.ครั้งนี้”

นายกเอ๋กล่าวอีกว่า หลังพลาดหวังจากสนามการเมืองระดับชาติ ในปี 2563 ได้กลับสู่ถนนการเมืองท้องถิ่นอีกทั้งนั่งในตำแหน่ง รองนายก อบจ.หนองบัวลำภู กระทั่งในปี 2566 ตัดสินใจย้ายสนามรอบ 2 โดยลงสมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู เขต 1 อีกครั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีกระแสดี แต่ประชาชนในพื้นที่ยังยึดติดพรรค ทำให้พ่ายแพ้อีกครั้งด้วยคะแนนเฉียดฉิวเพียง 932 คะแนน แต่กระนั้นยังได้รับความไว้วางใจจากผู้หลักผู้ใหญ่ให้ไปทำหน้าที่กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร 2 คณะ เป็นเลขาธิการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นผู้แทนสถาบันเกษตรกร ในคณะกรรมการองค์กรการตลาด รวมทั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ด้วยกระทั่งตำแหน่งนายก อบจ.ว่างลงก่อนครบวาระเพียง 2 วันจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ ลงสมัครนายก อบจ. โดยมีคู่แข่งสำคัญ คือ อดีตนายก อบจ.ชุดที่เคยร่วมงานในตำแหน่งรองนายก อบจ. สุดท้ายจึงคว้าชัยชนะมาได้ เป็นนายก อบจ.หญิงคนแรกของจังหวัด

“ชีวิตบนเส้นทางการเมืองท้องถิ่น ตั้งแต่ปี 2542 เป็น ส.อบจ. ประธานสภา อบจ. และรองนายก อบจ. ถือว่าคุ้นเคยกับการเมืองท้องถิ่นมาโดยตลอด รู้จักมักคุ้นกับคนในท้องถิ่นเป็นทุนเดิม จึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาในการทำงาน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เราคิดเสมอว่า ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่นหรือระดับชาติ ตำแหน่งอะไรก็ได้ ขอให้ได้ช่วยเหลือประชาชน นั่นคือเป้าหมาย เป็นความมุ่งหวังตั้งแต่ที่มีอยู่ในหัวใจตลอดมา ในการบริหารงาน อบจ.ได้วางตัวทีมบริหาร มีรองนายก อบจ.คนที่ 1 นายมานพ เชื้อบันฑิต อดีตปลัด อบจ.สกลนคร หรือหมอมานพ เคยทำงานทางด้านสาธารณสุขมาก่อน เคยทำเรื่องการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มาสู่ อบจ. เป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่จะช่วยงานด้านสาธารณสุข ส่วนรองนายก อบจ.คนที่ 2 นายศุภชัย พรหมา อดีต ส.อบจ.และเป็นน้องชาย นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู และอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วนเลขาฯ จะมีทั้งส่วนของตนเอง และของพี่น้องประชาชน”

เมื่อถามถึงนโยบายในการทำงาน นายกเอ๋กล่าวว่า จริงๆ แล้วทุกเรื่องสำคัญ แต่สิ่งเร่งด่วยต้องดำเนินการก่อน คือ ถนนที่ไม่ได้รับการแก้ไข สะพานชำรุดทรุดโทรมจะเร่งแก้ไข สะพานบางแห่งไม่มีราวสะพาน ประชาชนที่สัญจรตกสะพานเป็นอันตราย จะต้องเร่งดำเนินการให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ส่วนนโยบายการบริหาร เป็นสิ่งที่ใช้หาเสียง คือ 3 สร้าง 3 ดี 3 เด่น สำหรับ 3 สร้างคือ 1.สร้างการเดินทางสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย 2.สร้างเสริมคุณภาพชีวิตเด็ก คนชรา ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส 3.สร้างการศึกษาและมีอาชีพ, 3 ดี คือ 1.สิ่งแวดล้อมดี 2.ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี อันดีงามของจังหวัดหนองบัวลำภู 3.สุขภาพดี และ 3 เด่น คือ 1.เมืองเกษตรเด่น 2.กีฬาและการท่องเที่ยวเด่น 3.ชุมชนเข้มแข็ง ผู้นำเด่น แต่สิ่งที่จะดำเนินการเป็นเรื่องของการเกษตร เพราะหนองบัวลำภูเป็นเมืองเกษตร อีกทั้งจากประสบการณ์ที่เคยทำงานที่กระทรวงการเกษตรมาก่อน ซึ่งมีผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงที่รู้จักคุ้นเคย และมีทีมงานเป็นประธานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรประจำจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งต่อไปจะทำงานบูรณาการร่วมกับ อบจ.เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

อีกเรื่อง คือ การท่องเที่ยว จะทำให้จังหวัดหนองบัวลำภู มีปฏิทินการท่องเที่ยวให้ครบทั้ง 12 เดือน จะพัฒนาท่องเที่ยวไหนให้ดีขึ้น เช่น แหล่งท่องเที่ยวถ้ำศรีธน อ.สุวรรณคูหา ยังมีเส้นทางที่สัญจรไม่สะดวก พื้นที่เป็นที่ดิน ส.ป.ก. ดังนั้น อบจ.จะประสานการพัฒนาร่วมกับ ส.ป.ก. เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้ประชาชน ขณะเดียวกันก็ไม่ทั้งเรื่องศิลปวัฒนธรรม

“การคว้าชัยชนะเข้ามาครั้งนี้ มาจากความขยัน ความสม่ำเสมอที่เราทำให้ประชาชน ทำความดีไม่ได้ทำปีเดียว ทำมาตลอดเกือบ 30 ปี เราเป็นห่วงพี่น้องประชาชน และประชาชนให้ความเมตตา ให้ความไว้วางใจเรา เขาบอกว่า “เราไม่มีเงิน อันนี้คือเรื่องจริง” แต่เรามีความดี วันนี้พี่น้องหนองบัวลำภูทำให้เราเห็นว่า ความดียังอยู่กับประชาชนตลอดไป”

นายกเอ๋เล่าอีกว่า กรณี ร.อ.ธรรมนัส เดินทางมาช่วยหาเสียงนั้นถือเป็นคนที่มาร่วมสร้างเมืองหนองบัวลำภูไปด้วยกัน หากไม่มี ร.อ.ธรรมนัสมาขึ้นเวทีช่วยหาเสียง ความดีบางสิ่งบางอย่างอาจจะมองไม่เห็น ร.อ.ธรรมนัสจะทำให้ฝันของคนหนองบัวลำภูเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ตอนนี้ได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ช่วงที่ตั้งกลุ่มสมัครนายก อบจ.ใช้ชื่อกลุ่มหนองบัวคุณธรรม แต่ ร.อ.ธรรมนัสเปลี่ยนให้เป็น “กลุ่มกล้าคิด กล้าธรรม”

“จากการลงพื้นที่หาเสียง ได้รับฟังปัญหาประชาชนมาตลอด เมื่อเรามีวันนี้ อะไรที่ทำแล้วพี่น้องประชาชนมีรายได้สูงกว่าที่เป็นอยู่ เราจะทำ ไม่ว่าเราจะเป็นนักการเมืองระดับไหน จะทำเพื่อคนหนองบัวลำภู ซึ่งยังยากจนอยู่อีกมาก โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีพื้นที่ทำกิน”

เป็นความตั้งใจของนายก อบจ.คนใหม่ ที่มุ่งมั่น ตั้งใจเข้ามาเปลี่ยนแปลง พัฒนาบ้านเมือง เพื่อคนหนองบัวลำภู อยู่ดีกินดีมีรายได้สูงขึ้น ใน 4 ปีนับจากนี้”