บัวแก้ว ตอบปม สภาอียู 5ข้อ ยันจีนรับปากดูแล อุยกูร์ รับทราบมติสิทธิมนุษยชน ‘ทักษิณ’แนะเชิญทูตมาคุย พิชัย เดินหน้าเอฟทีเอยุโรป
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม จากกรณีรัฐสภายุโรปออกข้อมติเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 นั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงว่า 1.ฝ่ายไทยรับทราบข้อมติของรัฐสภายุโรปต่อประเด็นสถานการณ์ทางการเมือง และสิทธิมนุษยชนทั่วโลก รวมทั้งของไทย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 2.กรณีอุยกูร์ ไทยได้รับคำยืนยันจากรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการให้ความปลอดภัย และไทยจะติดตามความเป็นอยู่ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อไป 3.ในเรื่องกระบวนการทางกฎหมายที่ดำเนินอยู่ (กรณี ส.ส. 44 คน) เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมตามกรอบกฎหมายของไทย
นายนิกรเดช กล่าวว่า 4.การอภิปรายและลงมติของรัฐสภายุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภายุโรปในการติดตามและแสดงท่าทีต่อประเด็นสถานการณ์ทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนทั่วโลก 5.ปัจจุบัน ไทย-EU ให้ความสำคัญกับความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน และพลวัตความสัมพันธ์ที่ดี ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Thailand-EU Comprehensive Partnership and Cooperation Agreement: PCA)
ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐสภายุโรป ประณามการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน และเตรียมออกมาตรการการกดดันทางการค้าว่า เรื่องนี้ต้องอธิบายและควรเชิญทูตอียูมาคุย ว่าไทยได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์นี้มา 10 ปีแล้ว เพราะเข้าเมืองผิดกฎหมาย และขังไว้กว่า 10 ปี ไม่ทารุณไปหรือ ซึ่งใน 10 ปีนี้ก็ไม่เคยมีประเทศไหนมาขอชาวอุยกูร์
ไปเลย
นายทักษิณกล่าวต่อว่า ดังนั้น 10 ปีนี้ รู้สึกว่าเราต้องส่งเขากลับบ้านได้แล้ว ประเทศจีนก็แสดงเจตจำนงชัดเจน และยืนยันว่าจะไม่ดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ เพราะเขาโดนมาเยอะแล้ว ก็ให้เขากลับบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นช่องทางเดียวที่จะแก้ปัญหา สิทธิมนุษยชนที่เราละเมิดมานาน
เมื่อถามว่ามาตรการกดดันเหล่านี้จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มี คุยกันได้ มีอะไรต้องอธิบาย มนุษย์ต้องพูดกัน ถ้าไม่พูดกันก็จะจินตนาการไปไม่ดี ก็เหมือนขาประจำตนที่ไม่มีใครมาคุยกับตนเลย แต่ก็จินตนาการไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งเป็นห่วงเขา เพราะเขาไม่สบาย มาคุยกับตนดีกว่า จิตใจจะได้ร่มเย็น ขอให้ใจร่มๆ เข้าไว้
ส่วน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ได้หารือผ่านระบบประชุมทางไกลกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร และความโปร่งใส เพื่อผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (อียู) ตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสรุปการเจรจาในปีนี้ เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงขยายตลาด ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ ดึงดูดนักลงทุนจากยุโรปให้มากขึ้น
นายพิชัย กล่าวว่า อียูเป็นตลาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เป็นพันธมิตรการค้าสำคัญของไทย หากสรุปผลการเจรจา FTAได้ จะสร้างแต้มต่อให้สินค้าไทยแข่งขันระดับโลก ลดต้นทุนผลิต ดึงดูดลงทุน กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย ขณะนี้การเจรจา FTA ไทยกับอียู ดำเนินการแล้ว 4 รอบ สรุปผลเจรจา 2 บท และเริ่มหารือเปิดตลาดสินค้าและบริการ สำหรับการเจรจารอบที่ 5 ฝ่ายอียูเป็นเจ้าภาพวันที่ 31 มีนาคม-4 เมษายนนี้ โดยไทยกับอียูจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดให้บรรลุผลการเจรจา FTA ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้