เหยื่อสาวเปิดใจ โดนดาราสาวขังในโรงแรม 5 วัน บังคับหาเงินมาคืน หลังเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ แต่ถูกอ้างเป็นของปลอม ใช้ชื่อ สส.คนดังมาขู่ อีกคนถูกซ้อมยับ กลัวจนป่วยจิตเวช
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” โพสต์เรื่องราวของสาวคนหนึ่ง อ้างว่าเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.67 ถูกนักแสดงสาวคนหนึ่ง ยกพวกมาข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ก่อนจับขังไว้ในโรงแรมแถวสาทร เพื่อแลกกับเงิน 4 ล้านบาท เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าผู้เสียหายได้สมรู้ร่วมคิดหักหลังฉ้อโกงเงิน โดยสาวคนดังกล่าวถูกคุมตัวไว้ในนานเกือบ 5 วัน ก่อนจะโทรให้ญาตินำเงินมาคืนให้ 4 ล้านบาท
ล่าสุดเวลา 13.30 น. วันที่ 19 มี.ค.68 คุณเกด เจ้าของเรื่องดังกล่าว ได้เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 67 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานมากกว่า เพราะตนไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับดาราสาว โดยเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่เดือน ก.พ.67 ซึ่งตนรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่เป็นทอมชื่อว่า เท็ดดี้ ทางพี่เท็ดดี้ก็รู้จักกับอีกคนหนึ่งเป็นทอดๆ กันมา ไม่ได้รู้จักกับดาราสาวโดยตรง รวมถึงเพิ่งมาทราบทีหลังว่าเป็นทุนเงินของดาราสาว ส่วนคนที่ติดต่อมาคือ คุณบอส กับ คุณแมน
ในตอนแรกที่ได้งานมา ตนก็ไม่ได้สนใจนัก แต่เห็นว่า คุณบอสและคุณแมน บอกว่าเขามีทุนเทา ตนจึงลองเสนองานไปดูจากข่าวลอยๆ และแนะนำให้รู้จักกับคุณเท็ดดี้ พอรู้จักกันเคลียร์กันนู่นนี่ ก็ทำการตกลงกัน เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายกันตามธรรมดา ณ ตอนนั้นยังไม่ได้เอ่ยว่าเป็นเงินทุนจากดาราสาว ทางคุณแมนก็ได้เอาเงินมา พร้อมมีรูปและคลิปในส่วนของการนับเงิน
พอถึงวันที่ต้องไปทำงาน เขานัดที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวสาทร วันนั้นตนก็ไปในฐานะผู้ประสานงานด้วย ฝั่งตนมี 3 คน คือตน คุณเท็ดดี้ และคุณชินซึ่งเป็นผู้ชาย ส่วนฝั่่งดาราสาว คือคุณบอสและคุณแมนที่เดินทางมาด้วย แต่ดาราสาวไม่ได้มา และโทรสั่งการให้ลูกน้อง 4-5 คน เข้ามาเป็นการ์ดเพื่อโพรเทคส์เงินของเขาและคุณแมน เนื่องจากคุณแมนเป็นคนสนิทของดาราสาว
จากนั้นก็เรียกให้ไปดูสินค้า โดยเงินก้อนนี้ตนและคุณเท็ดไม่มีสิทธิ์แตะต้อง พอไปตรวจเช็ค ทางคนรับเงินที่คุณเท็ดดี้พามาก็บอกว่า เดี๋ยวเราจะต้องรีบนิดหนึ่ง เพราะเขามีธุระ ทั้งนี้คนที่ถือเงินนี้ไปคือคุณบอส ซึ่งเป็นคนของดาราสาว
ต่อมาพวกตนก็เดินทางไปยังโรงแรมแถวสาทร ไปตรงที่ดูสินค้า ตอนนั้นตนนั่งอยู่กับคุณบอสที่เป็นคนถือเงินอยู่ที่ตัว 3,000,000 กว่าบาท โดยคนรับเงินและคุณบอสคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ตนฟังไม่รู้เรื่องเพราะเป็นสำเนียงที่ไม่คุ้นเคย คุยกันไปสักพักนึง คุณบอสก็เดินตามคนรับเงินไปที่หน้าลิฟท์ วันนั้นตนใส่ส้นสูงมาทั้งวันแล้วเจ็บเท้า จึงเดินตามคนรับเงินและคุณบอสไปไม่ทัน
ทั้งนี้เวลาซื้อขายอะไรต้องตรวจสอบทุกอย่างก่อนจ่ายเงิน แต่คุณบอสซึ่งถือเงินมา พอไปถึงตรงนั้นกลับเอาเงินให้คนรับเงินไปเลย และรับของมาโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็คหรือดูของ ตนเห็นก็วิ่งเข้าไปบอกว่า “ไอ้ตัวกระเป๋านี้ มันมีกุญแจนะ มันมีพาสเวิร์ดนะ ทำไมเอาเงินให้เขาไปโดยที่คุณไม่ขออะไรมา ถ้ามันเป็นของปลอมขึ้นมาจะทำยังไง” ทุกคนเลยรีบเดินตามหาคนที่รับเงินไป
ตอนนั้นคนอยู่หน้าลิฟท์เยอะ คนรับเงินก็ไปไหนต่อไหนแล้ว ด้านการ์ดของดาราสาว 4-5 คนหายไปไหนก็ไม่รู้ ตนตกใจว่าการจ่ายเงินให้การ์ดมาเฝ้าของทั้งวัน แล้วพอถึงเวลาการ์ดกลับหายไปไหน ไม่ปกป้องเงิน รวมถึงคุณบอส ก็ไม่ตรวจสอบของก่อนรับด้วย
จากนั้นดาราสาวก็เช่าโรงแรมในเมืองเพื่อเปิดห้องและเอาของในกระเป๋านี้ขึ้นมาดู พอเอาของขึ้นมาเปิด ตอนแรกเปิดไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจไม่มีพาสเวิร์ด แต่พอเปิดออกมาได้ กลับกลายเป็นว่าได้ของปลอมมาทั้งกระเป๋า ตนก็เตือนแล้วตั้งแต่ก่อนที่คุณบอสจะเดินถือเงินไปจ่าย
ต่อมาดาราสาวบอกว่า ให้พวกตนคือ ตน คุณเท็ดดี้ และคุณชิน ร่วมกันรับผิดชอบ แต่กลับบอกว่าคุณบอสกับคุณแมนไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนเป็นแค่คนตัวกลาง แต่โดนขังอยู่ในห้องโรงแรมนั้นทั้งหมด 5 วัน โดยหาว่าตนมีส่วนสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงก็เลยเอามาขัง ตนก็บอกให้ว่ากันไปตามหลักฐาน ถ้าผิดจริงตนก็ยอมรับ แต่กรณีนี้คนที่ถือเงินเป็นคนของดาราสาว ตอนจ่ายเงินลูกน้องของดาราสาวหายไปไหน ทำไมไม่อยู่ดูเงิน ในวันนั้นตนไม่เจอดาราสาวโดยตรง แต่เจอในวันถัดไป ที่ต้องเดินทางไปที่คอนโดของดาราสาว
ในระหว่างที่พวกตนทั้ง 3 คน โดนกักขัง ตนไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายเพราะตนเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ดาราสาวก็ให้พวกตนหาวิธี ทำทุกอย่างทุกวิถีทางในการหาเงินมาด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่เพื่อเอาเงินมาคืนเขา ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม้กระทั่งกู้นอกระบบรายวันมาจ่าย ถ้าวันนั้นไม่ได้ยอดหรือไม่มียอด เขาจะทบอีกคนละ 100,000 บาท ฝั่งนั้นอ้างว่าไม่ได้กักขังพวกตน ยังให้เดินไปไหนมาไหนได้ แต่เขากลับส่งลูกน้องให้เดินตามพวกตนไปทุกที่ ซึ่งตนมองว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับการกักขังเลย ทั้งนี้ไม่มีการจับมัด มีเพียงแค่ให้คนมาคุม และยังหาข้าวหาน้ำให้กิน เพราะไม่อย่างนั้นน่าจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่านี้
อีกทั้งยังมีการเชือดไก่ให้ลิงดู โดยวันที่พวกตนต้องเดินทางไปที่คลินิกของคุณแมนซึ่งเป็นการกู้นอกระบบรายวันเพื่อที่จะมาจ่ายหนี้เขา คุณชินฝั่งของตนขอความช่วยเหลือไปที่คุณแบงก์ เพื่อให้มาช่วยว่าตอนนี้ดาราสาวทำอะไรกับพวกตนไปบ้าง พอเอ่ยชื่อเท่านั้น ทางดาราสาวก็โทรหาการ์ด แม้จะไม่ได้สั่งให้ทำร้ายร่างกาย แต่ดาราสาวพูดว่า “แล้วแต่จะจัดการ” ทำให้คุณชินโดนซ้อมในรถจนรถโยกต่อหน้าต่อตาพวกตน จนบาดเจ็บ
ทางพ่อและครอบครัวของตนเห็นว่าตนหายไปหลายวัน ซึ่งตนพูดความจริงกับครอบครัวไม่ได้ทั้งหมด เพราะทุกครั้งที่ตนคุยโทรศัพท์กับครอบครัว ตนต้องเปิดลำโพงเพื่อให้ฝั่งดาราสาวได้ยินว่าคุยอะไรบ้าง โดยฝั่งดาราสาวบอกแค่ว่า “ต่อให้พวกมึงกลับไป ยังไงพวกกูก็ตามได้อยู่ดี มึงเลือกเอาแล้วกันว่าระหว่างมึงจะอยู่ที่นี่ หรือมึงจะยอมให้ครอบครัวมึงเดือดร้อน มึงจะมาทั้งโคตรเหง้ามึงเลยก็ได้” ณ ตอนนั้นตนก็พยายามติดต่อหาคนมาช่วย
ช่วงที่พ่อตนไปแจ้งความที่ สน.ยานนาวา ตอนแรกตำรวจไม่รับแจ้งความ พ่อก็เลยจะไปแจ้งความที่ สน.บางนา แต่จู่ๆ ทาง สน.ยานนาวา ก็โทรตามให้พ่อกลับไปแจ้งความอีกรอบ ในจังหวะเดียวกันกับที่ดาราสาวโทรมา ทางคนฝั่งดาราสาวก็โทรหาคุณแพมซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของตน ซึ่ง ณ ตอนนั้นอยู่กับตำรวจที่ สน.ยานนาวาด้วย โดยมีคลิปเสียงที่คุณแพมอัดไว้ว่า “ต่อให้เอาเงินมา 100,000 เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวตน เขาต้องการเงินคืน ยอดรวมกันทั้งหมด 3,200,000 บาท” ซึ่งบางส่วนคนในทีมรวมกันทั้งหมด 5 คน ก็คืนเงินส่วนนี้ไปเยอะแล้ว
จังหวะที่ตนเดินลงมาจากโรงแรม พ่อของตนมายืนยันตัวตน ทางตำรวจ สน.ยานนาวา ก็เข้าชาร์จพวกตนพร้อมโดนยึดโทรศัพท์ ด้านคนที่เป็นการ์ดของดาราสาวก็โดนพาตัวไปที่โรงพัก มีแค่คุณบอสกับคุณแมนที่ไม่ได้ไป เพราะเดินขึ้นข้างบนเพื่อจะไปเอาคีย์การ์ด
ตอนไปที่โรงพัก พวกตนก็ถูกถามว่าโดนนู่นนี่นั่นจริงไหม ตนก็เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สุดท้ายแล้วมีสายนึงโทรมาบอกให้ปล่อยตัวการ์ดของดาราสาว โดยอ้างชื่อ สส.คนหนึ่ง
ตอนที่พวกตนถูกกักขังนั้น ได้ยินทุกอย่าง ถูกขู่ทุกวัน จนทำให้จิตตก ตนคุยกับพี่ในกลุ่มว่า “ถ้าวันนี้ไม่ได้ออก จะขึ้นไปที่ตึกเพื่อโดดตึกตาย ตนไม่ไหวแล้ว” สภาพจิตใจแย่มาก ไม่มีใครกล้าที่จะบอกตำรวจต่อหน้า แม้แต่คุณชินที่โดนซ้อม ก็อ้างว่าไปมีเรื่องชกต่อยกัน ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้หาหลักฐานมายืนยันเลยว่าเกิดคดีชกต่อยกันที่ไหน ทำไมหน้าคุณเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่่คุณชินโดนการ์ดซ้อม จนไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่
ตนอยากบอกฝั่งพวกเขาว่า ตนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่การที่เขาแม้กระทั่งทนายของเขาคุยกับพวกตน โดยใช้คำว่า “คนที่ผิดจริงๆ คือพวกคุณ เพราะว่าพวกคุณทำเรื่องผิดกฎหมาย” ซึ่งตนถามไปว่า “ถ้าเราผิดจริง เรายินดีให้ว่าไปตามกฏหมาย แต่ทำไมถึงไม่คุยกับเราตามกฎหมาย” เขาอ้างถึง สส.คนเดิม และนักการเมืองใหญ่อีกคน พวกตนไม่ได้มีเส้นสายอะไร ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง เป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยอะไร
ยอมรับว่าพวกตนก็มีส่วนผิด ผิดที่เชื่อคนง่าย แต่ก็ไม่สมควรที่จะโดนกระทำแบบนี้ พวกตนก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกัน ตอนนั้นดาราสาวก็ท้องอยู่ด้วย ตนจึงถามไปคำนึงว่า “ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นกับลูกของพี่บ้าง โดยที่พี่ไม่ได้ฟังอะไร พี่จะรู้สึกยังไงบ้าง ถ้าลูกตัวเองโดนแบบนี้” แต่ดาราสาวก็บอกแค่ว่า “เขาไม่มีวันที่จะเป็นแบบนั้น”
ที่ผ่านมาตนไม่เคยทำงานกับฝั่งของดาราสาวด้วยกันมาก่อน เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ตอนแรกในใจตนชอบดาราสาวอยู่แล้วในผลงาน แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันทำให้ตนเห็นอีกด้านหนึ่งของเขาไปเลย หลังออกมาจากการถูกกักขัง ตนต้องอยู่กับความกลัว กลายเป็นคนป่วยเป็นโรคจิตเวชไปเลย ต้องพบหมอจิตเวชและกินยาทุกเดือน
ตนไม่รู้ว่าชาตินี้หรือว่าทั้งชีวิตนี้ตนจะหายป่วยไหม จะใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้อีกหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้ตนยังกลัวการออกไปข้างนอก กลัวว่าเดินๆอยู่จะโดนยิงไหมเพราะพวกตนถูกข่มขู่ ด้วยคนมีชื่อเสียง มีอำนาจในการสั่งทำนั่นทำนี่ ตนไม่รู้ว่าตนจะโดนอะไร ตนอยู่บ้านยังไม่ได้ มันทำให้ตนจิตตก กลายเป็นคนหวาดระแวง เป็นแพนิคไปเลย ตอนนี้ก็รักษาตัวอยู่ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป