‘ชาคริต’ เล่าโมเมนต์ร่วมงานกับ เอิร์ท-มิกซ์ ลั่นเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เผยลุ้นมีลูกคนที่ 2 ปีสุดท้าย

หลังจากที่ชาคริต แย้มนาม ได้พา แอน ภัททิรา ภรรยาคนสวย และน้องโพธิ์ ลูกชาย ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ก็พากันแฮปปี้กันทั้งครอบครัว อีกทั้งยังเสิร์ฟโมเมนต์หวานกับภรรยา จนมีคนเข้ามาแซวว่าลูกคนที่ 2 มาแน่

ล่าสุดเจอนักแสดงหนุ่มที่มาร่วมงาน T-SI x DIPROM Business Forum “มองให้ไกล แก้ให้ใกล้” ณ Toyota ALIVE Space ถนน เทพรัตน เขตบางนา ก็ได้เล่าโมเมนต์เที่ยวญี่ปุ่น และเปิดใจถึงแพลนมีลูกคนที่ 2 พร้อมเผยถึงซีรีส์ Ossan’s Love ที่ได้ประกบกับนักแสดงสุดฮอต มิกซ์ สหภาพ และ เอิร์ท พิรพัฒน์ และยังเป็นการประเดิมซีรีส์วาย เรื่องของเจ้าตัวว่า

ซีรีส์ Ossan’s Love ใกล้จบแล้ว?
“ก็สนุกสนานปนฮา ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกัน พอเรากระโดดเข้ามาอยู่ในฟีลของสายวายไม่รู้ว่าจะได้รับการต้อนรับยังไง แต่จริงๆ ทุกคนก็รู้จักเราอยู่แล้วแหละในฐานะนักแสดง ที่ก็อยู่มาสักพักใหญ่ๆ แต่ว่าหลายๆ คน เขาก็ไม่รู้ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ เพราะอย่างที่บอก ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่านข่าว ไม่ค่อยได้รู้เรื่องรอบๆ ของวงการนักแสดงว่ามีความเคลื่อนไหวยังไง เพราะเราเองก็เหมือนเป็นนักแสดง ซึ่งเราพอได้รับบทเราก็ทำอย่างเต็มที่ ไม่ได้แค่มองว่าเป็นสายไหนๆ จนกระทั่งเล่นเสร็จไปแล้ว แล้วก็มีเพื่อนๆ หรือผู้ใหญ่หลายคนพอเขารู้ว่าเราเล่น เขาก็ตกใจว่าเราเล่น รู้ไหมหลายคนกระโดดไปเล่นแล้วดับเลยนะ ไม่รอดเลยนะ เพราะว่ากลุ่มคนที่ดูกลุ่มนี้ เขาก็จะมีกรอบของเขาที่จะเปิดรับ ไม่เปิดรับ ผมก็เลยบอกว่า เอ้าทำไมเพิ่งมาบอกผมล่ะ แต่ไม่หรอก เราก็ทำเต็มที่ในฐานะนักแสดงเท่าที่รู้ฟีดแบค ก็ค่อนข้างบวก ก็ไม่มี คอมเมนต์ที่ไม่ดีตรงไหน”

พอได้ลองมาเล่นรู้สึกติดใจไหมกับซีรีส์วาย?
“ผมว่ามันก็สนุก มันก็มีความสุข มันก็เป็นความท้าทาย มันก็เป็นชาเลนจ์ของนักแสดง มันไม่ใช่เรื่องของเพศเดียวกันที่มารักเพศเดียวกัน แต่จริงๆ มันเป็นเนื้อเรื่องมากกว่า ผมเลยมองว่าต่อให้ไม่วายหรือวาย หรือจะเป็นละครแอ็กชั่น หรือจะเป็นหนังผี หนังอะไร ละครสยองขวัญ ผมว่ามันเป็นเนื้อเรื่องมากกว่ากับคาแรกเตอร์การดำเนินเรื่อง หรือบทที่เขาทาบทามเราแล้วเราอินหรือเปล่า มันชาเลนจ์เราไหมในฐานะนักแสดง มันอยู่ตรงนั้นมากกว่า เพราะสำหรับผม ผมไม่ได้มองว่า การต้องไปจูบกับผู้ชายเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมโหฬาร ผมว่ามันก็เป็นพาร์ตนึงของการแสดง ที่เราฟีลได้ เราเข้าถึงได้เมื่อบทมา คาแรกเตอร์มา

ซึ่งผมเป็นห่วงเรื่องความเป็นคอมเมดี้มากกว่า ด้วยความที่มันมีเป็นต่อที่มันยืนของมันอยู่แล้วมาเป็น 20 ปี แล้วทุกครั้งเวลาที่เราไปเล่นคอมเมดี้ยากมาก ที่ตัวเราเองจะต้องโทนขึ้นโทนลงในเรื่องของคาแรกเตอร์เพื่อให้มันแตกต่าง ซึ่งแน่นอนมันเป็นตัวเราที่เล่นนึกออกไหม นอกจากทรงผม เครื่องแต่งกายที่เข้ามาช่วยแล้ว จะต้องมีสันดานดิบของตัวคาแรกเตอร์ ที่มันจะต้องไม่เหมือนตัวเป็นต่อละ ต้องเข้าใจตัวคาแรกเตอร์ด้วย ฉะนั้นเป็นชาเลนจ์ของผมมากกว่า”

เหมือนได้ลองทำอะไรใหม่ๆ?
“ใช่ คาแรกเตอร์ใหม่ในมุมของคอมเมดี้กับเนื้อเรื่องที่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเป็นต่อเลย”

ต้องขออนุญาตภรรยาไหม?
“ไม่มีๆ (หัวเราะ)”

มีให้แฟนๆ ลุ้นอีกสักเรื่องไหมซีรีส์วาย?
“ณ ตอนนี้ยังไม่มี แต่ก็เปิดรับ”

ร่วมงานกับน้องมิกซ์ และน้องเอิร์ทเป็นยังไงบ้าง?
“น้องๆ น่ารักมากโชคดีมากที่ได้เล่นกับน้องๆ กลุ่มนี้ ผมเชื่อว่าน้องๆ หลายๆ คนด้วยเหมือนกัน แต่ผมพูดถึงไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานหรือได้สัมผัส แต่กับน้องเอิร์ทและน้องมิกซ์ คือเขาให้เกียรติในเรื่องของการแสดงมาก เขารู้จักรากของเขาที่เขามาถึงจุดนี้ได้ นอกจากที่จะมีความเป็นไอดอลในพาร์ตของวายที่เป็นคู่จิ้นแต่อย่างหนึ่งที่เขาได้มา เริ่มจากศิลปะการแสดง กับเรื่องราว กับเนื้อเรื่องที่เขาเล่น เพราะฉะนั้นเขาเป็นเด็กที่มีความพยายาม มีความมานะ ละเอียดอ่อน แล้วก็รักการแสดงมาก เพราะฉะนั้นพอมาเจอกับคนที่ตั้งใจอย่างนี้ มันก็ยิ่งทำให้เราสนุกสนานกับการทำงานมาก”

ไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน?
“ไม่มีเลย ทำให้เรารู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกด้วยซ้ำ เพราะอย่าลืมว่าครั้งหนึ่ง เราก็เคยเป็นรุ่นเขาที่เราได้เล่นกับผู้ใหญ่ที่มากฝีมือ ที่เขาเองก็เป็นตัวอย่างให้กับเรา โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว วันนี้เราอาจจะเป็นคนๆ นั้นแล้วก็ได้ที่เขาเองได้มาร่วมงานกับเรา ซึ่งเราเองต่างหาก ที่จะต้องเป็นโรลโมเดลให้ดี แล้วในขณะเดียวกันก็สนุกสนาน เขาเองก็ดึงให้เรากลับไปรู้สึกว่าเมื่อครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นอย่างนี้

ส่วนน้องๆ เขาก็บอกว่าเขาเกร็งกัน จริงๆ พอเข้าฉาก มันร่วมไปด้วยกัน มันช่วยกัน มันก็มีปรึกษาอะไรกัน ในขณะเดียวกันน้องๆ ก็เหมือนสอนเราด้วยว่าพอมาเป็น คอมเมดี้โทนสายวายปุ๊บ เขาจะเล่นกันเลเวลประมาณไหนอะไรยังไง เพราะถ้าเกิดคุณมองวายปุ๊บ ก็จะมองว่าต้องอีโรติกอะไรงี้ตลอดเวลาหรือเปล่า อาจจะโชคดีด้วยที่มันเป็นคอมเมดี้ด้วย แต่เราก็จะได้เห็นด้วยว่าเทรนด์เขาจะเล่นกันน้ำหนักประมาณนี้อะไรแบบนี้ มันก็ช่วยกันหมด”

หลังจากนี้จะมีซีรีส์อะไรให้ติดตามไหม?
“หลังจากนี้ก็จะมีซีรีส์รีเมคของเกาหลี ซึ่งถ่ายเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงตัดต่อ ซึ่งละเอียดมาก เรื่อง MOUSE ยังไม่ได้ออนแอร์ แต่ว่าน่าจะใกล้แล้ว”

ล่าสุดไปทริปญี่ปุ่น?
“ไปเที่ยวมา พาลูกไปสัมผัสหิมะ ก็สนุกสนานตามประสาการไปเที่ยว”

บรรยากาศแตกต่างจากสวนทุเรียนไหม?
“แตกต่างมากครับ สวนทุเรียน 40 องศา อันนี้ – 3-4 องศายังไงก็ไม่เหมือนอยู่แล้วครับ (ยิ้ม)”

น้องโพธิ์เอ็นจอยไหม?
“เขาก็สนุก เพราะเราพยายามที่จะให้ลูก เขาได้รู้ว่า ทุกครั้งที่เขาเต็มที่ในช่วงเปิดเทอมเรียนของเขา เมื่อพอเขาปิดเทอมปุ๊บ เราก็จะเต็มที่ให้เขาเหมือนกัน เพราะด้วยธรรมดาโพธิ์เองเขาก็ลุยไปไหนกับพ่อแม่ตลอดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เขาเกิดจนเขาเริ่มรู้เรื่อง ตั้งแต่จำใครไม่ได้จนรู้เรื่องแล้วเริ่มเก็บความจำ เขาจะเป็นอะไรที่ลุยกับเรา แล้วเข้าสวนตลอด พอวันนี้มันอยู่ตัวแล้ว เขาก็เหมือนร่วมสร้างไปกับเรา มันถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ปล่อยจอย แล้วเราก็เต็มที่กับเขา ก็พาเขาไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”

ตอนพาเข้าสวนทุเรียนน้องมีถามอะไรบ้างไหม?
“ก็มีๆ เคาะทุเรียนเดิน เห็นพ่อแม่ทำอะไร เห็นพนักงาน เห็นคนงานทำอะไรก็ทำตาม โดยธรรมชาติของเขา ซึ่งเป็นการทำตามโดยที่มันเป็นไปโดยธรรมชาติไม่ได้ทำด้วยความกระแดะ มันเป็นไปโดยสิ่งที่อยู่รอบล้อมตัวเขาอยู่แล้ว โดยที่เราไม่ได้ไปบังคับเขามา แล้วบางทีทำผลไม้ทำอะไรกัน ก็ขอร้องไม่ให้เขาเข้ามา เพราะกลัวเขาจะป่วน แต่มันก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากเข้ามา แล้วไม่ป่วนคือมันเป็นยังไง เราต้องทำยังไง เขาก็ได้เรียนรู้”

ทริปญี่ปุ่นหลายคนแซวพ่อแม่หวานมาก?
“ใช่ คุณภรรยาเขาก็มีของขวัญให้ แต่เราไม่ได้เตรียมตัว”

แสดงว่าปกติให้ของขวัญกันเป็นประจำ?
“บ้าง ไม่ได้จำเป็นว่าต้องมีทุกครั้ง เพราะบางทีนอกรอบก็มี ไม่ต้องรอวันพิเศษ แบบบางทีก็จะลืมๆ แล้วอย่าพูดถึงนะ ก็มี (ยิ้ม)”

หลายคนก็ลุ้นมีน้องคนที่ 2?
“โห ยากจัง ก็ปีสุดท้ายแล้ว ก็ลองทุกวิถีทาง แต่ปีนี้คงปีสุดท้ายจริงๆ แล้ว เพราะด้วยอายุด้วย ปีนี้คงปีสุดท้ายแล้ว ถ้ามาก็มา ถ้าไม่มา ก็อย่างที่บอกก็เต็มที่กับน้องโพธิ์อยู่แล้ว”

ก็ยังคาดหวังอยู่ว่าจะมี?
“คือปีนี้ก็เป็นปีสุดท้าย คือยังไงก็ต้องคลอดปีหน้า ถ้าปีหน้าไม่มีโอกาสก็พับ ตอนนี้ก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอยู่”

ทำแบบธรรมชาติหรือวิทยาศาสตร์?
“หมดเลย ทำทุกอย่างเลย ก็พยายามอยู่ มันก็ต้องห่วงภรรยาในฐานะที่เขาเป็นแม่ ก็ห่วงเขาในเรื่องสุขภาพจิต หรือสุขภาพร่างกายที่บางทีมีเรื่องของฮอร์โมนเข้ามาที่มันต้องรับเข้าร่าง จะมีเรื่องความสวิงของ ฮอร์โมนที่มันขึ้น-ลง เมื่อก่อนสบายตัวมันอาจจะมีช่วงเพี้ยนๆ ของระบบร่างกายบ้าง เราก็ต้องเข้าใจเขาอะไรตรงนี้ แต่นั่นแหละมันก็โทษใครไม่ได้ ทุกฝ่ายทั้งเราเองก็ทำเต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอเอง เขาก็ดูแลเราอย่างเต็มที่ แต่มันด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยจังหวะด้วยมั้ง ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรบ้าง ความเครียด ความยุ่งของชีวิต ด้วยสภาวะ ด้วยอะไรบ้าง”

มีพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม?
“เจอก็ไหว้ แต่ไม่ถึงกับไปบนหรือขอให้มา กฎแห่งธรรมชาติเราไม่อยากไปบังคับหรืออะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ เราเชื่อ แต่เราก็อยากให้เป็นธรรมชาติที่สุด ก็คืออยากให้ฟ้าประทานเหมือนเวลาที่น้องโพธิ์เขามา อย่างน้องโพธิ์ ก็แค่คิดว่าถ้าเรามีลูกกันปุ๊บ แม่ผมที่ป่วยอยู่น่าจะได้กำลังใจอีกสักเรื่องนึง มาเฉยเลย”