‘โรม’ ชี้ เคส ‘คอลเซ็นเตอร์’ ลดลงไม่ได้ชี้ว่าแก้ปัญหาได้แล้ว ต้องถอนรากถอนโคนให้หมด เชิญดีอี ถกความคืบหน้า พรก.อาชญากรรมทางไซเบอร์
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมในวันนี้ ซึ่งมีการเชิญกระทรวงการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มาพูดคุยในเรื่อง พ.ร.ก.อาชญากรรมทางไซเบอร์ ว่า รัฐบาลได้ให้สัญญา ในการแก้ไข พ.ร.ก.อาชญากรรมทางไซเบอร์ ผ่านมานานแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ได้เห็นการประกาศใช้ เข้าใจว่าอาจจะอยู่ในขั้นการพิจารณาของ ครม. เดี๋ยวคงจะได้ทราบกันว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร นอกจากนั้นในเรื่องมาตรการรายละเอียดก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า ตกลงแล้วครอบคลุมเพียงพอที่จะรองรับกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้หรือไม่
ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่ขบวนการเล็ก มันมีอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นเมียวดีหรือกัมพูชาซึ่งต้นน้ำ แต่ก็ยังมีขั้นตอนถัดไป ในเรื่องของบัญชีม้าหรือคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ เพราะหากไม่แก้ เพราะหากแก้แค่ส่วนใดส่วนหนึ่งก็คงไม่ได้ วันนี้เลยจะพูดคุยกับหลายหลายหน่วยงานว่ามีแนวทางความคืบหน้าอย่างไร อย่าง พ.ร.ก.เราก็ต้องการความชัดเจนว่ามีความพร้อมในการประกาศใช้อย่างไร แน่นอนว่าเราอาจจะเห็นว่าในเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นมีจำนวนเคสที่ลดลง แต่ตนก็ได้รับข่าวมาว่าหลังจากที่มีการทะลายที่เมียวดีได้มีการย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งหากเรายังไม่มีมาตรการในการปรับตรงนั้น และเรายังไม่มีความเข้มแข็งในด้านของการเงิน ในการป้องกันไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้บัญชีม้าหรือซิมม้าในการหลอกคน ก็จะเป็นปัญหาที่วนเวียนไม่จบ อย่างเวลาที่เขาสามารถหลอกเอาเงินของประชาชนไปได้ หากเขาสามารถนำเข้าสู่ระบบของคริปโตเคอร์เรนซีได้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่หน่วยงานของรัฐจะไปล้วงเอาเงินคืนมาได้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องหาแนวทางกันต่อไป
เมื่อถามว่า แต่ก็มีการมองว่าสถิติจำนวนเคสที่ลดลง จะตัวบ่งชี้ว่ามาตรการของรัฐได้ผลหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องบอกว่าการที่เราปวดหัวน้อยลงไม่ได้แปลว่าเราสบายดี ตนคิดว่ามันยังมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการพวกนี้อย่างถอนรากถอนโคน ไม่ควรคิดแค่ว่าจำนวนสายลดลงแล้วเป็นเรื่องที่น่าพอใจแล้ว ควรจะมีการคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรที่จะมีมาตรการถาวรในการที่จะปราบปรามพวกนี้ ตนยืนยันว่าทางฝั่งกัมพูชายังมีเยอะอยู่ ตนเป็นห่วงว่าหากกระแสเงียบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จะกลับมารุ่งเรืองอีกหรือไม่
