เจษฎา ญาณประภาศิริ นายก อบจ.สมุทรสงคราม เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้อง 4 ปีต้องได้เห็นความเปลี่ยนแปลง
ทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสงคราม และสมาชิกสภา อบจ. 24 เขต เปิดทางให้ นายเจษฎา ญาณประภาศิริ หรือนายกกอล์ฟ เข้านั่งบริหารงาน อบจ.สมุทรสงครามอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการรับตำแหน่งและแถลงนโยบายต่อสภา อบจ.ในวันที่ 14 มีนาคม 2568 ตามขั้นตอน
สำหรับ นายเจษฎา หรือนายกกอล์ฟ เป็นคนสมุทรสงครามโดยกำเนิด เป็นคนรักบ้านเกิด มุ่งมั่นตั้งใจมาตั้งแต่เล็กๆ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดท้ายหาด ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย ก่อนเบนเข็มมาเรียนช่างก่อสร้างที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม และระดับปริญญาตรี สาขาการจัดการทั่วไป จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ในระหว่างเรียนได้เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวรับงานก่อสร้างเล็กๆ น้อยๆ จากความสนใจทางการเมืองและความมุ่งมั่นที่ต้องการพัฒนาบ้านเกิด จึงเริ่มเข้าสู่แวดวงการเมืองท้องถิ่นในตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) บ้านปรก อ.เมืองสมุทรสงคราม และยกระดับมาสนามเลือกตั้ง อบจ. ในตำแหน่งสมาชิกสภา อบจ.
ในระหว่างมีการปลี่ยนทางการเมืองในยุครัฐประหารในยุค คสช. ทำให้ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่ง ส.อบจ.ยาวนานถึง 8 ปี หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย และมีการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งแรกหลังรัฐประหารนายกกอล์ฟลงสมัคร ส.อบจ.อีกสมัครและได้รับเลือกตั้งอีกสมัย ควบตำแหน่งประธานสภา อบจ. จากการทำงานการเมืองในตำแหน่งสมาชิกสภามานานกว่า 10 ปีได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งได้เห็นข้อจำกัดของการทำหน้าที่สมาชิกสภา ขณะที่ผู้บริหารมีโอกาสได้ทำงานพัฒนาและสามารถแก้ปัญหาได้จริงจังจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งชิงอำนาจการบริหารงานอบจ. พร้อมผู้สมัคร ส.อบจ. 22 คน ในนามทีมคนของประชาชน
กระทั่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชน สามารถล้มแชมป์เก่าได้สำเร็จด้วยคะแนน 30,407 คะแนน พร้อมพาลูกทีมเข้าสภาถึง 15 ที่นั่ง โดยมีทีมบริหารประกอบด้วยรองนายก อบจ. ณัฏฐกิตติ์ เจียรนัย และ ปรียา สังหาเจริญ และ ศิโรจน์ องค์ปรีชาชาญ เป็นที่ปรึกษา พร้อมเลขานุการ 4 คน
นายกกอล์ฟกล่าวว่า วันนี้มีโอกาสเข้ามาบริหาร มีความพร้อมจะเข้ามาพัฒนาและร่วมกันทำงานใน อบจ.สมุทรสงครามทุกด้าน ทั้งด้านบริหารงานองค์กร, ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต, ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ, ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคสาธารณูปการ, ด้านการศึกษา การกีฬา การท่องเที่ยว และศิลปวัฒนธรรม รวมถึงด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายหลัก “สมุทรสงคราม จะดีกว่าเดิม” ด้วยการยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นเป้าหมายในการพัฒนาท้องถิ่น เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ “ร่วมคิด ร่วมทำ และ ร่วมปฏิบัติ” ด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งจะได้น้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขปวงประชา มาใช้เป็นหลักในการดำเนินการพัฒนาท้องถิ่น และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งมีอยู่มากมายในจังหวัดสมุทรสงครามให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ผมตั้งเป้าการทำงานไว้หลายระยะ ระยะแรกๆ คงต้องเน้นงานแก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านก่อน เช่น พัฒนาตลาดปลา อบจ.สมุทรสงคราม ให้มีความทันสมัย ส่งเสริมอาชีพให้ชาวสมุทรสงครามมีรายได้, พัฒนาท่าน้ำให้ชาวบ้านลงเก็บหอยทำประมงพื้นบ้านได้สะดวก, บูรณาการขุดลอกคูคลองทั้งจังหวัดให้เป็นคลองสวยน้ำใส, ผลักดันการขายลิ้นจี่ที่จะออกสู่ตลาดกว่า 5,000 ตัน ในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องวางแผนล่วงหน้าในการระบายผลผลิตให้ชาวสวนลิ้นจี่อย่างเร่งด่วน
ส่วนการทำงานในระยะยาว ผมจะเร่งทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ตั้งใจสร้างศูนย์กีฬาขนาดใหญ่ในพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่ง อบจ.ขอใช้พื้นที่ 200 ไร่ ใน ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม หากได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ได้ จะของบประมาณจากรัฐบาลก่อสร้างศูนย์นันทนาการครบวงจร มีทั้งสนามกีฬา สเตเดียม ศูนย์ประชุม ครบวงจร เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงเม็ดเงินเข้าจังหวัดสมุทรสงคราม สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชน นอกจากนี้จะเน้นการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มาในสังกัด อบจ.สมุทรสงคราม เพื่อเพิ่มศักยภาพการดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนได้อย่างใกล้ชิด กระจายความเจริญสู่ชุมชน ให้ประชาชนสะดวกในการเข้าถึงการบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอีกด้าน คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนนทุกสายทางในความดูแลของ อบจ.ต้องได้รับการพัฒนา ต้องไม่มีถนนลูกรัง เพราะเส้นทางคมนาคมเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทาง ทั้งการขนส่ง การค้า การท่องเที่ยว ขนส่งสินค้าเกษตร, พัฒนาแหล่งน้ำการเกษตร ไฟฟ้าส่องสว่าง และพลังงานทดแทน ให้ทั่วถึงและได้มาตรฐาน, พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน, จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ รวมทั้งการสนับสนุนการติดตั้งระบบ CCTV เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อการยกระดับและคุณภาพชีวิตประชาชน”
นายกกอล์ฟกล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกเรื่อง ทุกนโยบายที่เคยหาเสียงจะทำได้แน่นอนภายใน 4 ปี แต่จะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญและความพร้อมของงบประมาณ
แต่ยืนยัน…ว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
