เอเจนซี่โฆษณามองอนาคตอุตสาหกรรมสื่อเป็นไปอย่างไร พร้อมความเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังปลดล็อกข้อกฎหมายโฆษณาเหล้า-เบียร์ได้แล้วใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าสุราจะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากคนไทย แต่เรากลับได้เห็นการโปรโมทสินค้าเพียงแค่ฉากนั่งดื่มสินค้าที่ถูกเซ็นเตอร์ด้วยกฎหมายที่ครอบคลุมทั้งการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และศีลธรรมของคนไทยมาอย่างยาวนาน
การปลดล็อกข้อกฎหมายจากมติของสภาผู้แทนราษฎร 365 เสียง ไฟเขียววางกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปลดล็อกโฆษณาเหล้า-เบียร์ได้ล่าสุด จึงถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ว่า นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับประเทศไทย
นอกจากการเข้าถึงได้ของแบรนด์เล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก จะได้รับโอกาสจากการรับรู้มากขึ้นของผู้บริโภคและการผูกขาดของตลาดที่ลดน้อยลง รวมถึงเม็ดเงินที่กระจุกรวมกันอยู่ที่เจ้าตลาดก็จะถูกหั่นออกให้รายเล็กเพิ่มมากขึ้นแล้ว
การสร้างสรรค์ผลงานของวงการสื่อโฆษณาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะต่างจากเดิม “พิริยะ กุลกาญจนาชีวิน” 1 ในผู้ก่อตั้ง Glow Story กล่าวว่า การปลดล็อกตัวกฎหมายไม่ได้ส่งผลดีกับแค่วงการอาหารแต่ยังรวมถึงวงการโฆษณาอีกด้วย
“เราจะสามารถครีเอตงานมากมาย และผู้บริโภคจะเห็นมุมมองที่หลากหลายของมัน ในอนาคตอาจจะเห็นแคมเปญ CHR หรือ Social social responsibility จากแบรนด์ต่าง ๆ ที่บอกว่า สิ่งที่เราทำมีผลลัพธ์อย่างไร และเราจะรับผิดชอบผลที่มาจากสินค้าของตัวเองอย่างไรได้บ้างในวันที่เราสามารถพูดอะไรก็ได้”
ขณะที่ “ภาคย์ วรรณศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ (Chief Creative Officer) ของบริษัทเอเจนซี่ VML Thailand มองว่า การอนุญาตให้เห็นโลโก้คงไม่ได้ช่วยเรื่องครีเอทีฟมากเท่าไร เนื่องจาก Dark Market การไม่เปิดเผยหรือสื่อตรง ๆ ว่าเป็นสินค้าอะไรจะช่วยในการครีเอตผลงานมากกว่า การสร้างผลงานที่รู้อยู่ว่าสินค้าอะไรนั้นยากและเป็นการตีกรอบการทำงาน
“Barrier(กำแพงกฎหมาย) ก่อให้เกิด Creativity เมื่อไม่มีกำแพงความคิดสร้างสรรค์ที่เคยอยู่ที่เดิมก็ต้องย้ายไปจับกับอย่างอื่น”
เขาเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะสร้างความสนุกให้กับวงการเอเจนซี่ ที่เห็นได้ชัดตั้งแต่แรก คือ การสื่อถึงสินค้าชัดเจน ไม่ต้องปกปิด สิ่งที่ตามมาคือ การที่แบรนด์น้องใหม่ค้นหาจุดยืนของตัวเองให้ได้ ทำให้วงการมาร์เก็ตติ้งมีการแข่งขันที่หลากหลาย แม้แต่หลายเจ้าที่ครองพื้นที่บนตลาดอาจจะต้องเปลี่ยนเกมเพื่อตอบโจทย์การบริโภคของประชาชนในอนาคต
ขณะเดียวกันภาพใหญ่ที่หลายคนคาดหวังอย่างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมนี้คงเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ภาคย์มองว่า เม็ดเงินคงไม่ได้สะพัดมากนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้เติบโตเป็นทุนเดิม นอกเสียจากว่าแบรนด์ใหญ่จะแตกไลน์แบรนด์ลูก ก็จะโกยเม็ดเงินได้เยอะ ขณะที่แต่หากเป็นแบรนด์ท้องถิ่นก็จะเป็นเพียง SME ของรายเล็กเท่านั้น
ต่างจากพิริยะที่ยึดมั่นว่า การขยายขอบเขตข้อกฎหมายไม่ได้ช่วยเพียงวงการโฆษณา แต่จะช่วยกระตุ้นไอเดียและกระจายความเป็นไปได้ของสุราท้องถิ่นมากขึ้น เขายกตัวอย่างคนอีสานบางกลุ่มที่กินเหล้าต้มมาตลอด หากได้นำมาปรับมาตรฐานเพื่อทำแบรนด์ก็จะสามารถขยายตลาดสุราไทยได้มากขึ้น รวมถึงความสร้างสรรค์ของผลงาน
“ผมเชื่อว่า Creativity often come from underdogs (ความคิดสร้างสรรค์ส่วนใหญ่มาจากคนที่ด้อยโอกาส)” พอมีงบประมาณน้อย เราจึงต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์กว่าใคร เรื่องเล่า ตำนาน ที่มาของแต่ละที่ วัตถุดิบที่แตกต่างกันจะทำให้การผูกขาดลดน้อยลง
ความคาดหวังของพิริยะไม่ได้จำกัดแค่การปลดล็อกการทำสื่อโฆษณา แต่ยังรวมไปถึงพัฒนาการของวงการเครื่องดื่มให้ไปไกลระดับสากลและยั่งยืน พิริยะยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นที่มีแบรนด์เหล้าเบียร์ทุกอำเภอในประเทศ หรืออุตสาหกรรมเคป็อบที่กว่าจะเติบโตได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และติดตามควบคุมผลกระทบที่อาจจะตามมา
“หน้าที่ของรัฐคือซัพพอร์ตรายเล็ก ให้ต่างชาติสามารถเข้าถึงสุราไทยได้ และทำให้มันกระจายเป็นวงกว้าง และในอนาคตเราอาจเติบโตได้เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นที่มีแบรนด์เหล้า เบียร์ละอำเภอ”
ขณะเดียวกันข้อกฎหมายที่ปลดล็อกก็ต้องปลดให้ถูกเรื่องมากกว่าการให้อิสระโดยไม่คำนึงผลที่ตามมา เขายกตัวอย่างการขายกัญชาเสรีที่ตอนนี้หาซื้อได้ง่ายทุกที่ การเข้าถึงกัญชาจึงไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มคนที่เหมาะสม อาจรวมไปถึงเด็กและเยาวชนอีกด้วย เป็นความเห็นไปในทางเดียวกันกับภาคย์ที่เห็นด้วยกับการยังคงกำหนดเวลาในการขายสุราเป็นบางช่วง