UOB My Digital Space ปีที่ 3 โดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับโครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ โครงการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและครูไทย ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลกับการศึกษา เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับเด็กไทยทั่วประเทศ
“การศึกษา” เป็นกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความเหลื่อมล้ำยังกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศไทย โครงการ UOB My Digital Space หรือ UOB MDS กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับชีวิตของเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล
โครงการที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหวัง แต่เป็นแสงสว่างในการศึกษาเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับโครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและครูไทยในทั่วทุกภาคของประเทศไทย
โครงการนี้ได้ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลกับการศึกษาอย่างลงตัว เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับเด็กไทยทั่วประเทศ
น้องอิ๊น เด็กหญิงวรรณรดา สิงห์โต นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนศรีวินิตวิทยาคม จังหวัดสิงห์บุรี เล่าว่า เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยชอบเรียนภาษาอังกฤษเลย เพราะน่าเบื่อและยาก แต่พอได้ใช้ Winner English ในโครงการฯ เธอรู้สึกว่าการเรียนสนุกขึ้นมาก และเธอเป็นคนที่ชอบคอมพิวเตอร์มาก ๆ
พอสองอย่างนี้มาอยู่ด้วยกัน ทำให้อยากเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน มีเกมที่ท้าทายและแบบฝึกหัดที่เข้าใจง่าย เธอและเพื่อนมีคะแนนภาษาอังกฤษดีขึ้น เราไม่หยุดแค่เรียนในห้อง แต่ยังทบทวนบทเรียนเองที่บ้าน ผ่านโทรศัพท์มือถือ นักเรียนสามารถฝึกพูดกับเอไอ และรู้สึกมั่นใจเวลาพูดกับครูและเพื่อนในห้องเรียนมากขึ้น
น้องฟิล์ม เด็กชายพิเชษฐ แก้วใหม่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คิดว่าวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ซับซ้อน มีแต่ตัวหนังสือให้อ่านเยอะไปหมด และจับใจความอะไรไม่ได้เลย ทำให้ผลการเรียนวิชานี้ไม่ดีเท่าไหร่ Learn Education เปลี่ยนมุมมองการเรียน
การเรียนวิทยาศาสตร์สนุกและเข้าใจง่ายขึ้น โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนเล็กๆ ไม่มีห้องแล็บสำหรับการทดลอง แต่ Learn Education ทำให้หมดปัญหานั้น เพราะเรามีแล็บแห้ง สื่อวีดีโอและภาพการทดลองต่าง ๆ ทำให้จิตนาการเห็นภาพการทดลอง จึงเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นกว่าการอ่านจากตัวหนังสือ เขาชอบที่สามารถย้อนกลับมาดูบทเรียนได้เวลาที่เรียนไม่ทันหรือทำการบ้าน การเรียนรู้ใหม่นี้ไม่เพียงช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น แต่ยังเพิ่มความมั่นใจและเห็นศักยภาพของตนเองในอนาคตอย่างชัดเจน
ครูประพิมพรรณ พนเจริญสวัสดิ์ หัวหน้างานวิชาการและครูภาษาอังกฤษ เล่าให้ฟังว่า “โรงเรียนมีจำนวนครูที่จำกัดเพียง 12 คน ทำหน้าที่ดูแลเด็ก 155 คน มีครูภาษาอังกฤษแค่ 2 คน แบ่งสอนระดับ ม.1-3 และ ม.4-6 การเตรียมบทเรียนและปรับวิธีสอนตามระดับชั้นเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อเด็กมีความเข้าใจเนื้อหาต่างกัน
การนำคอมพิวเตอร์และโปรแกรม Winner English มาใช้ ช่วยลดภาระครูในการเตรียมบทเรียน และให้เครื่องมือที่มีคุณภาพในการฝึกเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนสนใจเข้าเรียนและมีผลการเรียนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ โครงการยังมีคอมมูนิตี้ออนไลน์ inskru.com ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพครู โดยเป็นคอมมูนิตี้สำหรับแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของครูมากกว่า 100,000 คน
นายริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เชื่อว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพและสามารถประสบความสำเร็จได้หากได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
โครงการ UOB My Digital Space สนับสนุนเด็กในพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงเทคโนโลยีซึ่งเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาพื้นฐาน ทักษะความรู้ทางการเงิน และการรู้จักตัวเองเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไปสู่อนาคต พร้อมสนับสนุนครูให้เข้าถึงเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน และสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างโรงเรียนและชุมชน
นับเป็นความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สอดคล้องกับความมุ่งหมายของธนาคารในการร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา UOB My Digital Space เป็นมากกว่าการมอบเทคโนโลยีการศึกษา แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับเยาวชนไทย ผู้ซึ่งจะกลายเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต โครงการ UOB My Digital Space ได้สนับสนุนห้องเรียนดิจิทัลให้กับโรงเรียนขาดโอกาสในเครือข่ายร้อยพลังการศึกษา จำนวน 8 โรงเรียนทั่วประเทศไทย
มีนักเรียนกว่า 5,000 คนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ โดย 2 โรงเรียนใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนเพิ่มในปีนี้ ได้แก่ โรงเรียนศรีวินิตวิทยาคม จังหวัดสิงห์บุรี และโรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา จังหวัดอุดรธานี
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าสนับสนุนและขยายโครงการนี้ เพื่อให้เยาวชนไทยได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม นายริชาร์ด มาโลนี่ย์ กล่าวว่า การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน คือ กุญแจสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาและลดความเหลื่อมล้ำในระยะยาว