มุมมองต่อเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. มีหลากหลาย ที่น่าสนใจ คือ ทรรศนะของนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า การอภิปรายครั้งนี้ประชาชนคาดหวังอยากจะเห็นช็อกซีนีม่า เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
แต่เรื่องพื้น ๆ เช่น เรื่องค่าไฟ พีเอ็ม หมอกควัน เป็นเรื่องที่พูดคุยกันมาโดยตลอด มีเรื่องใหม่บ้างคือ เรื่องภาษี และเรื่องที่ดินเขาใหญ่ แต่ยังไม่มีข้อกล่าวหาที่น่าเชื่อถือได้ การตอบคำถามของนายกรัฐมนตรีก็น่าจะมีน้ำหนักหักล้างได้
นายสุทินยังกล่าวว่า ฝ่ายค้านหลายคนมีการเรียบเรียงเนื้อหาได้ดี อย่าง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แต่เป็นข้อหาลหุโทษ เป็นข้อหาเล็กน้อย ไม่ถึงระดับไม่ไว้วางใจ ส่วน นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ก็นำเสนอได้ดี มีความรู้จริง แต่ไปโฟกัสอยู่เรื่องเดียวคือการถามหาหลักฐานการสมัครใจส่งกลับอุยกูร์ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีก็ได้ตอบ เชื่อว่ามีข้อมูลที่หักล้างได้
เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่บริหารงานได้ 6 เดือน โดยเข้ารับหน้าที่เมื่อเดือน ก.ย. 2567 หลายประเด็นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลนี้ เนื้อหาของฝ่ายค้านพุ่งตรงไปยัง น.ส.แพทองธาร ด้วยข้อกล่าวหาว่า “หนีภาษี” จากการซื้อหุ้นจากญาติพี่น้องด้วยตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ PN (Promissory Note) โดยยังไม่มีการชำระเงิน มูลค่า 4,434.5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อยังไม่มีการชำระเงิน จึงยังไม่มีการชำระภาษีเป็นเงิน 218.7 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านระบุว่า เป็นการใช้ช่องว่างทางกฎหมายที่ไม่เหมาะสม เพราะความเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ผู้รู้ทางด้านกฎหมายการตลาดหุ้นระบุว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่อาจจะมีคนที่ชอบหรือไม่ชอบ
ขณะที่อีกประเด็นสำคัญที่ใช้เวลาของสภาไปมาก และมีการประท้วงหลายครั้ง คือการเข้าพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต้องโทษจำคุกในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ซึ่งฝ่ายค้านระบุว่า น.ส.แพทองธาร เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
การอภิปรายมีการโต้เถียงอยู่บ่อย ๆ ผลการลงมติจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่บรรยากาศและเนื้อหาจากการอภิปรายน่าจะเป็นประโยชน์ หากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จะรับเอาการวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน ไปปรับปรุงการทำงาน ปรับปรุงการตัดสินใจในบางเรื่อง โดยคำนึงถึงหลักการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ หลักของมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนในเรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศ รวมถึงหลักของการเมืองที่ดี ที่นักการเมืองจะต้องเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องต่าง ๆ
รวมถึงการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้น การพัฒนาและส่งเสริมการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน ขณะที่พรรคฝ่ายค้านเองก็น่าจะทบทวนในบางเรื่องร่วมกับพรรครัฐบาล โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศที่ดีในการอภิปรายที่มีข้อขัดแย้ง เพื่อให้สภาเป็นเวทีของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง