“การลดอัตราน้ำสูญเสีย” เป็นหนึ่งในนโยบายของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในงบประมาณปี 2568 เตรียมยกระดับระบบการบริหารจัดการน้ำประปาให้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักที่เร่งขับเคลื่อนหลังจากที่ “จักรพงศ์ คำจันทร์” ได้เข้ามานั่งเก้าอี้ “ผู้ว่าการ กปภ.” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
จักรพงศ์ได้ฉายภาพแผนงานในปีนี้ว่า จะมีโครงการ “PWA Smart Water” ระบบจัดการน้ำประปาอัจฉริยะ โดยดึงเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้ทันสมัย โดยใช้นวัตกรรม Smart Meter และ Faster Meter จะติดตั้งไว้ระหว่างต้นซอยและท้ายซอย
โดยใช้ระบบตรวจจับการเกิดน้ำสูญเสีย 200-300 มิเตอร์ สามารถส่งสัญญาณได้อย่างเรียลไทม์เมื่อท่อส่งน้ำเกิดการชำรุด แล้วให้เจ้าหน้าที่ลงไปแก้ไขได้ทันที ใช้ระยะเวลาเพียง 45 วันสามารถแก้ไขได้ทั้งหมด ในขณะที่ระบบแบ่งพื้นที่ DMA (District Metering Area : DMA) ครอบคลุม 2,000-3,000 มิเตอร์ ต้องใช้เวลามากถึง 60 วัน ถึงจะแก้ไขได้สำเร็จ
จะเริ่มนำร่องลดน้ำสูญเสีย จำนวน 4 สาขา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 เริ่มที่ กปภ.สาขาเกาะสมุย และ กปภ.สาขากระบี่ และเดือนกรกฎาคม ที่ กปภ.สาขาภูเก็ต และ กปภ.สาขาพัทยา (ชั้นพิเศษ) ทั้งนี้ ภายใน 3 เดือนจะเริ่มนำเสนอแผนงานกับกระทรวงมหาดไทย โดยโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท
“Smart Water จะติดตามตั้งแต่การจัดการระบบน้ำดิบ ระบบการผลิต ปริมาณการสูบน้ำ เราจะรู้ได้เลยว่าเมื่อน้ำเข้าระบบโรงกรองแล้ว คุณภาพน้ำที่ผ่านการกรองจะเป็นอย่างไร เพราะในระบบจำหน่ายจะมีการควบคุมน้ำสูญเสียจากการควบคุมอัตราการจ่ายน้ำและแรงดันน้ำ โดยดูได้จากแรงดันน้ำที่ดรอปลง แต่ปริมาณใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อถึงแต่ละพื้นที่มีการจ่ายน้ำ สามารถดูได้อีกว่าปริมาณ และคุณภาพน้ำที่จ่ายไปเพียงพอหรือไม่ และจะมีระบบการเก็บเงิน Billing ที่สามารถชำระเงินได้รวดเร็ว ปลอดภัย”
ปัญหาน้ำสูญเสียถือเป็นปัญหาหลักของประเทศ จากผลิตทั้งหมด 100% แต่ปัจจุบันสูญเสียไป 27% จากเส้นท่อแตก-ท่อรั่วระหว่างทาง ซึ่งเกิดจากการก่อสร้าง การจราจร และอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ปัจจุบันทั่วประเทศเกือบ 100% ใช้ระบบบันทึกข้อมูล GIS ซึ่งประเทศไทยได้นำระบบนี้มาใช้ประมาณ 20 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนเราใช้ระบบพิมพ์เขียวที่รับรู้แต่ไม่สามารถบันทึกได้ อย่างไรก็ตาม ระบบบันทึกข้อมูล GIS ยังติดอุปสรรคเรื่องข้อมูลที่มาจากคำบอกเล่า
เช่น รับแจ้งท่อแตกรั่วจากถนนที่มีการซ่อมแซม จากที่ประเมินว่าท่อน่าจะอยู่ลึก 1 เมตรจากพื้นดิน แต่ความเป็นจริงพอขุดลงไป อาจจะพบท่อหลายเส้นถูกวางทับซ้อนมานาน ซึ่งมักเล็ดลอดในการบันทึกเพราะอยู่ใต้ดิน ไม่เหมือนสายไฟที่สามารถเห็นได้ง่าย รวมถึงการก่อสร้าง การบดอัด สร้างถนน การจราจรที่ได้รับแรงสะเทือนจากการวิ่งของรถบรรทุก
หน่วยงานที่กำกับได้ตั้งเป้าว่า อยากเห็นอัตราน้ำสูญเสียต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะอาจจะไปเห็นความสำเร็จที่ต่างประเทศมาก่อน 5-7% เพราะล่าสุด กปภ.ได้ไปดูงานที่สำนักงานประปาโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น อายุกว่า 150 ปี แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เขามีน้ำสูญเสียมากถึง 60% จากนั้น 30 ปีต่อมาได้มีการเปลี่ยนท่อทั้งหมด ทำให้น้ำสูญเสียลดเหลือ 20-30%
แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด จนมีการแบ่งพื้นที่เพื่อให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด (District Metering Area : DMA) ซึ่งใช้เวลากว่า 20 ปี หลังจากนั้นอีก 10 ปีต่อมา ได้เริ่มส่งเสริมการบริหาร-ข้อมูล โดยใช้นวัตกรรม ระบบไอทีเข้ามา จนสามารถลดน้ำสูญเสียได้ต่ำกว่า 10%
หรือที่เมืองเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน ที่อัตราน้ำสูญเสียต่ำกว่า 4-5% เพราะเป็นเมืองถูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ระบบท่อจึงทันสมัยและมีบันทึกข้อมูลประวัติตั้งแต่เริ่มต้น
“ณ วันนี้ กปภ.เริ่มใช้เทคนิคทางวิชาการแบ่งพื้นที่ย่อย (DMA) แล้ว แม้จะเริ่มช้าไปก็ตาม เพราะวันนี้การอ่านมาตรแจ้งหนี้ สิ้นเดือนเก็บเงินทั้งหมดแล้วถึงจะรู้ว่าจำนวนน้ำสูญเสียมีจำนวนเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อไปตามหาว่าจุดสูญเสียอยู่ตรงไหน แล้วใช้เวลาเพิ่มอีก 2 สัปดาห์ เพื่อทำการซ่อม รวมทั้งหมด 60 วัน ถึงจะซ่อมปิดน้ำสูญเสียได้”