การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนในหมู่เยาวชนกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทั้งอันตรายจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและอันตรายจากสารเสพติดที่แฝงเข้ามาในตัวน้ำยาผสมที่ใช้กับบุหรี่ไฟฟ้า จนรัฐบาลต้องประกาศกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนให้หมดไปจากประเทศ
ความน่ากลัวของบุหรี่ไฟฟ้ายังเกิดจากความไม่รู้ข้อเท็จจริงถึงพิษภัยอันตราย และยังเกิดจากการให้ข้อมูลแฝงโฆษณาของผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความสะดวกปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา มีความทันสมัยเป็นบุหรี่ของอนาคต
เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นและได้รับความนิยมในหมู่เยาวชน-วัยรุ่น ผู้เริ่มต้นชีวิตการทำงาน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในฐานะ “ของใหม่” ส่งผลให้บางประเทศยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในการควบคุมทั้งตัวบุหรี่ไฟฟ้า-น้ำยา และผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งประเทศไทยก็ตกอยู่ในสถานะแห่งความคลุมเครือนั้นด้วย
โดยสถานะของบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายควบคุมดูแลเป็นการเฉพาะ จากปัจจุบันมีเพียง พ.ร.บ.ศุลกากร ปี 2560 ม.244 ห้ามผู้ใดนำเข้า-ส่งออก-ส่งผ่าน ลำเลียงโอนถ่าย หรือ ม.246 ผู้ที่ช่วยซ่อนเร้น ซื้อ รับไว้ หรือมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ต้องถือว่ามีความผิดเช่นกัน ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของที่ห้ามนำเข้ามาในประเทศ โดยมาตราแรกมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนมาตราหลัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า
นอกจากนี้ก็มีคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 บัญญัติไว้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ห้ามขายหรือให้บริการ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท ถ้าในกรณีเป็นผู้ประกอบธุรกิจฐานะผู้ผลิต ผู้สั่งของ หรือผู้นำเข้ามาเพื่อขาย มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 1,000,000 บาท กับประกาศกระทรวงพาณิชย์ ปี 2557 ห้ามนำเข้าสินค้า 3 ประเภท เข้ามาในราชอาณาจักร ได้แก่ บารากู่ดั้งเดิม, บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 เท่า ของราคาสินค้า
สำหรับโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า จากรายงานทางการแพทย์พบว่า ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินเหลวและสารประกอบที่มีผลต่อระบบหายใจ ระบบหลอดเลือด ระบบหัวใจ และระบบประสาทและสมอง ซึ่งจะส่งผลต่อเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน ที่มีการผสมสารเสพติด
นอกเหนือไปจากการกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนที่แพร่ระบาดในหมู่เยาวชนแล้ว รัฐบาลต้องพิจารณายกเครื่องกฎหมายควบคุมดูแลหรือจำกัดการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนเป็นการเฉพาะ จากปัจจุบันที่บุหรี่ไฟฟ้ามีสถานะเป็น “สินค้า” และในระหว่างที่รอการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ยังมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้ถึงโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ากับเยาวชน อันเป็นการป้องกันไว้ก่อนด้วย