พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต และคณะผู้บริหาร อบจ.ปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยข้อมูลถึงความสำคัญของโครงการระบบขนส่งมวลชน Monorail การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต
จังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้า การศึกษา และการคมนาคมระหว่างกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆ ทำให้เกิดปัญหาด้านการจราจรติดขัด และปัญหามลพิษจากฝุ่นเมือง PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงได้จัดทำโครงการโครงการระบบขนส่งมวลชน Monorail เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวปทุมธานี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับตัวแทนมหาวิทยาลัยชั้นนำ 4 แห่ง นำโดยอาจารย์ทรรศนะ บุญอยู่ อาจารย์นครินทร์ สัทธรรมนุวงศ์ ตัวแทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อาจารย์วันเพ็ญ วิโรจนกูฏ ตัวแทนมหาวิทยาลัยขอนแก่น อาจารย์สกุล ห่อวโนทยาน อาจารย์กฤษณ์ เจ็ดวรรณะ ตัวแทนสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และอาจารย์วิทยา ด่านธำรงกูล สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายในงานร่วมกันแถลงถึงการดำเนินการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานี (Monorail ปทุมธานี-รังสิต) 3 ประเด็นหลัก คือ
ทั้ง 2 แนวเส้นทางมีศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง บริเวณศูนย์วิจัยข้าว จุดจอดและจร 1 แห่ง บริเวณสถานีสวนสัตว์แห่งใหม่ (คลองหก) และจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สถานีวัดเขียนเขต (สถานี A6/สถานี B1) ซึ่งโครงสร้างส่วนใหญ่วางบนเกาะกลางถนนรังสิต-นครนายก และถนนลำลูกกาคลองสี่ (ปท.3017) คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2575 ทั้งสองเส้นทาง อยู่ที่ 79,234 คน/วัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,332 คน/วัน ในปี พ.ศ. 2604 โดยประเมินอัตราค่าโดยสารที่ 20 บาทตลอดสาย
จากการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐศาสตร์ มูลค่าลงทุนโครงการรถไฟฟ้าทางเดี่ยว 2 เส้นทางในจังหวัดปทุมธานี ประมาณ 26,000 ล้านบาท มีผลวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 15.49% และอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (B/C Ratio) เท่ากับ 1.41 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีเป็นเจ้าของโครงการ ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทย และหาแหล่งรายได้เพิ่มเติม เช่น พัฒนาพื้นที่รอบสถานี พื้นที่ใกล้เคียง ให้สิทธิ์เชื่อมต่อสถานี เพื่อลดค่าใช้จ่ายของการลงทุนและให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในสัดส่วนที่น้อยกว่าโครงการรถไฟฟ้าอื่น
หากโครงการนี้ดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้การเดินทางของประชาชนในพื้นที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ช่วยลดเวลาการเดินทาง ช่วยประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะและลดค่าใช้จ่ายทำให้การใช้ชีวิตในปทุมธานีสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของปทุมธานีช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในพื้นที่ทำให้จังหวัดปทุมธานีเป็นเมืองที่น่าอยู่ และเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ศักยภาพในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกด้วย ซึ่งแผนดำเนินโครงการรถไฟฟ้าทางเดี่ยว (Monorail) ปทุมธานี ระยะที่ 1 เส้นทางรังสิต-คลองสี่ และเส้นทางวัดเขียนเขต-สวนสัตว์แห่งใหม่ (คลองหก) จะมีการนำเสนอ EIA ต่อ สผ. ภายในปีนี้ จะมีการจัดทำรายงานและการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ภายในปีหน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2571 เพื่อเปิดใช้งานในปี 2575