จากกรณีข่าวนายพงศภัค และ นายธนกฤต ซึ่งเป็นเพื่อนกัน และอายุ 17 ปี เท่ากัน ประสบอุบัติเหตุ ชนท้ายรถบรรทุกพ่วง บนถนน 41 ขาขึ้น เลยสี่แยกโพธิ์ทอง ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เมื่อเวลา 04 .00 น. วันที่ 23 มี.ค. 63 เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำส่ง รพ. ต่อมาผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต 1 ราย ทาง รพ.โทรแจ้งญาติของนายพงศภัค ให้มารับร่างนำกลับไปบำเพ็ญกุศล ตั้งสวดอยู่ 3 คืน สุดท้ายมารู้ว่าคนที่นอนอยู่ในโลง คือ นายธนกฤต ส่วนนายพงศภัค ยังมีชีวิตอยู่ และพ้นขีดอันตราย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
27 มี.ค. 2568 เมื่อเวลา 09.30 น. นางอมราวดี แม่ของนายพงศภัค เดินทางมาเฝ้าลูกชายซึ่งรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู รพ.พัทลุง ก่อนแพทย์ได้เชิญตัวร่วมพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลและแม่ของเด็กพูดคุยทำความเข้าในกันด้วยดี ซึ่งแม่ไม่ได้ติดใจเอาความ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แพทย์หญิงเกศทิพย์ บัวแก้ว รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง กล่าวว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ความผิดพลาดของฝ่ายใด เนื่องจากวันเกิดเหตุ น้องทั้งสองคน ถูกส่งตัวมาจาก รพ.ควนขนุน ตอนนั้นไม่พบหลักฐานบ่งชี้ตัวบุคคลทั้งสอง ขณะนั้นคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคนบาดเจ็บสาหัสมาก ถึงขั้นต้องปั๊มหัวใจกู้ชีพในห้องฉุกเฉิน
จนกระทั่งมีญาติคนเจ็บมาที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งก่อนหน้านั้นได้รับข้อมูลว่า น้องบาดเจ็บสาหัส เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามว่า เป็นญาติกับน้องที่กำลังซีพีอาร์อยู่หรือไม่ คุณแม่ซึ่งอยู่ในอาการตกใจ ได้ยืนยันลักษณะเบื้องต้น ว่าเป็นลูกของคุณแม่จริงๆ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่กู้ชีพไม่สำเร็จ น้องเสียชีวิต หลังจากนั้นมีกระบวนการในห้องฉุกเฉินอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งคุณแม่อยู่ด้วยตลอด จนกระทั่งรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาดังกล่าว
สำหรับเคสที่เกิดขึ้นทั้งคู่มีรูปร่างเหมือนกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หลังจากนี้ต้องเข้มงวดการดูอัตลักษณ์ผู้ป่วย นอกเหนือจากการดูแค่รูปร่าง และต้องตรวจสอบร่วมกับญาติ ให้มั่นใจอัตลักษณ์ด้านอื่นๆ เช่น รอยสัก รอยแผลเป็น