นางงามเล่าประสบการณ์ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 ตอนอายุ 33 เผย 1 สัญญาณเตือนแรกที่มองข้าม

เมื่อ "ไบรซ์ แรมซีย์" ได้รับตำแหน่ง Mrs. Mississippi Plus America เมื่อปีที่แล้ว เธอรู้ทันทีว่าเธอจะใช้เวทีนี้เพื่ออะไร

"แน่นอนว่าต้องเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่" แรมซีย์ วัย 39 ปี บอกกับ The Post "ตอนนั้นฉันเป็นผู้รอดชีวิตมาได้ 4 ปีแล้ว และฉันคิดว่าฉันอยากช่วยคนให้ได้มากที่สุด"

เนื่องในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนรณรงค์ต้านมะเร็งลำไส้ใหญ่ แรมซีย์ได้ร่วมงานกับ Colorectal Cancer Alliance เพื่อแบ่งปันเรื่องราวของเธอ หวังให้ผู้คนตระหนักและเข้ารับการตรวจคัดกรอง เพราะจากประสบการณ์ของเธอเอง เธอพบว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่นั้นแพร่หลายในครอบครัวของเธอมากกว่าที่คิด

เพื่อนและครอบครัวต่างตกตะลึงเมื่อแรมซีย์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 ในปี 2019 ขณะอายุเพียง 33 ปี โรคนี้มักพบในผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี แต่ปัจจุบันกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวลในกลุ่มคนอายุน้อย

แรมซีย์กลับไม่ได้แปลกใจกับข่าวนี้นัก ในฐานะพยาบาลห้องผ่าตัด เธอรู้ดีว่าการรับฟังสัญญาณจากร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ

"ในใจลึก ๆ ฉันรู้เลยว่ามีบางอย่างไม่ปกติ" แรมซีย์จากเมืองแคนตัน รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐอเมริกา เล่าย้อนความหลัง
 

Bryce Ramsey

สัญญาณแรกของโรค

แรมซีย์สังเกตเห็นเลือดปนในอุจจาระครั้งแรกหลังจากคลอด "แอชตัน" ลูกชาย ในปี 2011 แต่เธอคิดว่าเป็นเพียงอาการริดสีดวงทวาร

กระทั่งปี 2019 อาการเลือดออกเริ่มถี่ขึ้นและมีเมือกปนมาด้วย เธอจึงตัดสินใจส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ และพบว่ามีติ่งเนื้อขนาด 5 เซนติเมตรในลำไส้ใหญ่ส่วนซิกมอยด์ ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับไส้ตรง

ไม่นานหลังจากนั้น แพทย์ทำการผ่าตัดเอาลำไส้ออก 3 ฟุต พร้อมกับต่อมน้ำเหลือง 13 จุด ผลตรวจพบว่าเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยัง 3 ต่อมน้ำเหลือง ส่งผลให้เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3

เธออ้อนวอนให้ครอบครัวเข้ารับการตรวจคัดกรอง เพราะหากมีญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ พี่น้อง หรือบุตร เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ความเสี่ยงในการเกิดโรคก็จะสูงขึ้นมาก

"เราเพิ่งค้นพบว่า จริง ๆ แล้ว ครอบครัวเรามีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ" แรมซีย์กล่าว

พ่อของเธอต้องผ่าตัดเอาลำไส้ออกทั้งหมดหลังพบติ่งเนื้อก่อนมะเร็งหลายจุด พี่ชายกำลังเตรียมเข้ารับการผ่าตัดเพื่อตัดบางส่วนของลำไส้ออก และป้าของเธอก็ต้องสูญเสียบางส่วนของลำไส้หลังพบก้อนเนื้อ

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ผลกระทบด้านลบ เพราะการที่ครอบครัวของเธอได้เผชิญหน้ากับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วย

เรื่องราวที่พลิกไปในทางที่ดี

10 หลังการผ่าตัด ซึ่งตรงกับวันเกิดของเธอ แรมซีย์เดินทางไปชมการแข่งขันของทีมนิวออร์ลีนส์ เซนต์ส พร้อมกับ "มิกกี้" แฟนหนุ่มในขณะนั้น

ในช่วงวินาทีสุดท้ายของเกม ขณะที่ทุกคนกำลังดีใจกับชัยชนะ แรมซีย์มัวแต่ระวังไม่ให้ใครเผลอมากระแทกหน้าท้องของเธอ เพราะยังมีลวดเย็บแผลอยู่ เธอจึงไม่ทันสังเกตว่ามิกกี้กำลังเตรียมขอเธอแต่งงาน

"เขาบอกว่า ผมไม่ได้ขอคุณแต่งงานเพราะคุณป่วยนะ ผมวางแผนมานานแล้ว" แรมซีย์เล่าพร้อมรอยยิ้ม "เขายังพูดอีกว่า แค่มีเรื่องนี้มาแทรกในแผนของเราเท่านั้นเอง"
 

Bryce Ramsey

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ในเดือนมกราคม 2020 แรมซีย์เริ่มเข้ารับเคมีบำบัด และราวกับว่ายังไม่หนักพอ การระบาดของโควิด-19 ก็เกิดขึ้น มิกกี้ถูกส่งตัวไปที่สวนสัตว์บรองซ์เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินในงานบริการรถพยาบาล

ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนมิถุนายน เพียง 2 สัปดาห์หลังจากที่มิกกี้กลับมามิสซิสซิปปี

ในวันพ่อปี 2020 แรมซีย์ได้รับข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งครรภ์

ตลอดช่วงเวลาต่อสู้กับมะเร็ง แรมซีย์มักฝันซ้ำๆ ว่าเธอจะมีลูกชายอีกคน และชื่อของเขาต้องมีคำว่า "Luke" หรือ "Lucas" อยู่ในนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 หลังจากที่เธอต้องเผชิญกับภาวะหนักจากโควิด ลูกชายของเธอ "เอ็มรี ลูคัส-เรย์" ก็ลืมตาดูโลก

“เขาสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน และความหมายของชื่อเขาคือ แสงสว่างที่แข็งแกร่ง” แรมซีย์กล่าว “มันเหมือนเป็นลมหายใจแห่งความหวัง หลังจากที่ต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากจากมะเร็งลำไส้ใหญ่”

ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

เดือนนี้ถือเป็นการเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วที่แรมซีย์ปลอดจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ และในเดือนเมษายน เธอจะส่งต่อมงกุฎให้กับ Mrs. Mississippi Plus America คนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เฉลิมฉลองความงามของสตรีพลัสไซซ์ที่แต่งงานแล้วในรัฐมิสซิสซิปปี

แรมซีย์ใช้เวทีนี้ รวมถึงโซเชียลมีเดีย เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก มะเร็งลำไส้ใหญ่มีอัตราการรอดชีวิตสูงถึง 91% แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ใหญ่ที่ควรได้รับการตรวจ 1 ใน 3 กลับยังละเลย ผลวิจัยล่าสุดจาก Colorectal Cancer Alliance ยังพบว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่เลือกจะทำอย่างอื่นแทนการเข้ารับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่

ผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงปกติควรเริ่มการตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 45 ปี ส่วนผู้ที่มีประวัติครอบครัวเช่นแรมซีย์อาจต้องเริ่มตรวจเร็วขึ้นและบ่อยขึ้น

“สิ่งที่ฉันอยากทำคือการสร้างการรับรู้” เธอกล่าว “เพื่อให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม เข้ารับการตรวจคัดกรอง และฟังเสียงร่างกายของตัวเอง เพราะถ้ารู้สึกว่าอะไรไม่ถูกต้อง มันก็มีโอกาสที่มันจะไม่ใช่”