แพทย์ระบุรายชื่อ สุดยอดอาหาร 7 อย่าง ที่มีทุกบ้าน แนะกินเสริมภูมิ ต่อสู้กับการติดเชื้อ ไม่ใช่แค่ผัก-ผลไม้

แม้ว่าการล้างมือและสุขอนามัยที่ดีจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่คุณกินก็มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการป้องกันของร่างกายเช่นกัน การรับประทานอาหารที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงการย่อยอาหาร ช่วยรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และให้พลังที่จำเป็นเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่

เนื่องในสัปดาห์โภชนาการแห่งชาติ Dr.Bhavini Shah แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก LloydsPharmacy  เคยได้แบ่งปันถึง “ซูเปอร์ฟู้ด” หรือสุดยอดอาหารสำคัญ 7 ชนิด ที่สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยการผสมผสานวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็น เพื่อช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงและป้องกันโรคต่างๆ ไม่เพียงเฉพาะในช่วงฤดูไข้หวัดใหญ่เท่านั้น แต่การทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงเสมอ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

7 สุดยอดอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

ผลไม้ตระกูลส้ม (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 80 กรัม)

“ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม เกรปฟรุต มะนาว เลมอน มีประโยชน์อย่างมากในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีความจำเป็นในการต่อสู้กับการติดเชื้อและปกป้องคุณจากโรคต่างๆ เช่น หวัดหรือไข้หวัดใหญ่”

กระเทียม (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน: แม้จะไม่ระบุแน่ชัด แต่เชื่อว่าเพียง 1 กลีบก็เพียงพอแล้ว)

“กระเทียมมีสารประกอบที่เรียกว่าอัลลิซิน ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา เมื่อคุณบดหรือสับกระเทียม อัลลิซินจะถูกปล่อยออกมา ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อและลดการอักเสบ การศึกษาวิจัยแนะนำว่าการรับประทานกระเทียมเป็นประจำ อาจช่วยป้องกันหวัดและเร่งการฟื้นตัวเมื่อคุณป่วย”

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน: 150 กรัม)

“อาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ อุดมไปด้วยโปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ที่เสริมสร้างสุขภาพลำไส้และเนื่องจากร้อยละ 70 ของระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ลำไส้ การรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เมื่อคุณกินอาหารที่มีโปรไบโอติกสูง เช่น โยเกิร์ต อาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีในระบบย่อยอาหารของคุณ มองหาโยเกิร์ตธรรมชาติที่ไม่เติมน้ำตาลและมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตเพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมากที่สุด”

น้ำผึ้ง (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน: 40 กรัม)

“น้ำผึ้งเป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านจุลชีพ ซึ่งช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ น้ำผึ้งประกอบด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และสารประกอบจากธรรมชาติอื่นๆ ที่สามารถฆ่าแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและบรรเทาอาการเจ็บคอได้ ฤทธิ์ต้านการอักเสบของน้ำผึ้งสามารถช่วยลดอาการไอและบรรเทาอาการหวัดได้ ทำให้น้ำผึ้งเป็นยาธรรมชาติที่ดีเยี่ยมในช่วงฤดูไข้หวัดใหญ่ น้ำผึ้งยังดีต่อสุขภาพลำไส้อีกด้วย เนื่องจากน้ำผึ้งช่วยส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียที่ดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง”

ผักใบเขียว (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน: 75 กรัม)

“ผักโขม คะน้า และใบชาร์ดสวิส อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิจามินซี และวิตามินอี วิตามินเอช่วยให้ผิวหนังและเยื่อเมือก เช่น เยื่อเมือกในจมูก ลำคอ และทางเดินอาหาร มีสุขภาพดี ซึ่งเป็นแนวป้องกันด่านแรกจากแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นอันตราย ในขณะที่วิตามินซีช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดขาว วิตามินอีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ผักใบเขียวเหล่านี้ยังให้ธาตุเหล็กซึ่งช่วยเสริมระดับพลังงานและสุขภาพโดยรวมที่ดีอีกด้วย”

ถั่วและเมล็ดพืช (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน: 30 กรัม)

“อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดทานตะวัน และเมล็ดฟักทอง เป็นแหล่งวิตามินอีและสังกะสีชั้นดี ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การรับประทานถั่วเพียงกำมือเดียวทุกวัน สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้กับร่างกายของคุณได้”

ขิง (ปริมาณที่แนะนำต่อวัน: 3-4 กรัม)

“ขิงมีสารประกอบจากธรรมชาติที่เรียกว่าจิงเจอรอล  ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการบวมและต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้มีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ ขิงยังสามารถช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก เจ็บคอ และคลื่นไส้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่” ทั้งนี้ หากเป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณขิงที่เหมาะสมก่อนรับประทาน

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การจับคู่อาหารเหล่านี้กับการออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายของคุณต้านทานโรคตามฤดูกาลได้

อย่างไรก็ หากคุณมีอาการป่วยเป็นประจำ และรู้สึกกังวลเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของตนเอง ควรพูดคุยกับแพทย์ทั่วไปซึ่งสามารถแนะนำแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดได้