สุดตระการตา ศรัทธายิ่งใหญ่
สมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ
พุทธศักราช 2568
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย

แม้ผ่านไปนานกว่า 1 เดือนเต็ม สำหรับงาน สมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสถานพยาบาลกุสินาราคลินิก อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทว่า ความงดงามตระการตา อันเกิดขึ้นด้วยศรัทธายิ่งใหญ่ของพุทธศาสนิกชน ยังคงตราตรึงใจผู้ที่ได้พบเห็นและสัมผัสอย่างไม่มีวันลืม

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น บุคคลสำคัญเข้าร่วมพิธีอย่างมากมาย อาทิ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร, พระพรหมวชิรโพธิวงศ์ (สมณศักดิ์ขณะนั้น คือ พระธรรมโพธิวงศ์) หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา, พระราชโพธิวิเทศวัชรมุนี (สมณศักดิ์ขณะนั้น คือ พระวิเทศวชิรญาณ) เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เลขานุการพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล

พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พันตำรวจเอก ยศเอก รักษาสุวรรณ รองผู้บังคับการอำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และภูริตา ผิวงาม ภรรยา, ณรงค์ฤทธิ์ เอี่ยมเจริญยิ่ง ประธานมูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์และประธานจัดงาน, พงศ์ฤทธิ์ ศรีสมิท-พญ.เรณู ศรีสมิท ประธานอุปถัมภ์การจัดงาน, ดร.รัตนา ศิริจิตร, อารีมา แซ่ตั้ง, ธีรภัทร มงคลนาวิน อุปทูต รักษาราชการแทนเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี, พราหมณ์ ดร.อังกูร วงศ์เสรีสุข เป็นต้น

อัญเชิญ‘พระบรมสารีริกธาตุ’
ยัง‘มหาปรินิพพานสถูป’ ณ สาลวโนทยาน

เช้าตรู่ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ประชาชนชาวไทยและชาวอินเดีย เข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น

โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่ายรำระบำดาวดึงส์ คณะนาฏศิลป์เชียงราย วาดลีลาชดช้อยชวนมอง

ครั้นเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเข้าสู่พิธีทักษิณานุปทาน ถวายบูรพมหากษัตริย์ และผู้มีคุณูปการแด่พระพุทธศาสนา

พระพรหมวชิรโพธิวงศ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นสาธุชนร่วมกันถวายเครื่องไทยธรรมอนุโมทนา กรวดน้ำ รับพร ตามลำดับ

จากนั้นเข้าสู่การประกอบพิธีเปิดงานสมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสถานพยาบาลกุสินาราคลินิกอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประธานเปิดประตูพระมหาเจดีย์มหาธาตุเฉลิมราชศรัทธาอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานบนแท่นวางและใส่ผอบ

พระราชโพธิวิเทศวัชรมุนี อัญเชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมวารในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดยมี พลอากาศเอกพันธ์ภักดี พัฒนกุล อัญเชิญขึ้นราชรถ

จากนั้น ธีรภัทร มงคลนาวิน รับพระบรมสารีริกธาตุจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ แล้วอัญเชิญประดิษฐานบนเสลี่ยง เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาและพราหมณ์ ดร.อังกูร วงศ์เสรีสุข อัญเชิญบรมสารีริกธาตุขึ้นสู่บุษบก

ต่อมา เคลื่อนขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะไปยัง มหาปรินิพพานสถูป ณ สาลวโนทยาน สถานที่ปรินิพพานพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในลำดับถัดไป

ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว ยังมีการมอบรางวัล Kusinara Awards ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จำนวน 27 ท่าน, มอบทุนการศึกษาแก่พระนักศึกษา ทุนพุทธสยัมภูญาณ จำนวน 3 รูป และมอบทุนการศึกษาแก่โรงเรียนในความอุปถัมภ์ของวัด 30 โรงเรียนด้วย

ขบวนยิ่งใหญ่สู่จุดหมาย‘มกุฏพันธนเจดีย์’
สถานที่ถวายพระเพลิง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พุทธศาสนิกชนไทย-อินเดีย ตั้งขบวนอัญเชิญพระพุทธรูปปางปรินิพพานและเครื่องราชสักการะ เดินเท้าถึง ‘มกุฏพันธนเจดีย์’ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานในพิธี จุดเทียนสัตบรรณ และกล่าวนำถวายเครื่องราชสักการะ และสวดมนต์บูชามกุฏพันธนเจดีย์ พร้อมสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และนำเจริญจิตตภาวนา ศาสนพิธีกรเชิญแขกผู้มีเกียรติ ที่อัญเชิญเครื่องราชสักการะ เข้าวางเครื่องราชสักการะ

จากนั้นเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ พร้อมด้วยพระเถรานุเถระ ถวายน้ำสรงพระราชทาน เถราภิเษกพระพุทธบาท ณ มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ปรินิพพาน

ต่อมาเข้าสู่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ศาสนพิธีกรเชิญแขกผู้มีเกียรติถวายน้ำสรง โดยในระหว่างถวายน้ำเถราภิเษก พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทำนองหลวง และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเข้ากราบสักการะตามอัธยาศัย เป็นอันเสร็จพิธี

จาก‘คลินิก’สู่‘โรงพยาบาล’
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
12 รูปี ไม่เกี่ยงชาติ ภาษา วรรณะ

พระราชโพธิวิเทศวัชรมุนี เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมตตาเล่าว่า งานสมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี 2568 เป็นการจัดงานครั้งที่ 16 โดยนับเป็นปีสำคัญที่สุดกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพานพุ่มสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

งานครั้งนี้ ยังจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสถานพยาบาลกุสินาราคลินิก อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์

ทั้งนี้ สถานพยาบาลดังกล่าวอยู่คู่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์มาตั้งแต่ พ.ศ.2542 เดิมเป็น ‘คลินิก’ ต่อมายกระดับเป็น ‘สถานพยาบาล’ คนมักเรียกว่า ‘โรงพยาบาลพระพุทธเจ้า’ เดิมมีวัตถุประสงค์เปิดรักษาพระสงฆ์อาพาธ และพุทธศาสนิกชนไทยผู้จาริกแสวงบุญ ต่อมาเปิดรักษาชาวอินเดียท้องถิ่นรอบวัด ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ จัดเป็นโรงพยาบาลบอดี้ แอนด์ มายด์ คือ ดูแลรักษาทั้งกายและใจ ช่วงวันปกติ คิดค่ารักษาครั้งละ 12 รูปี ราว 6 บาท และเปิดรักษาฟรี ทุกวันพระ วันสำคัญทางศาสนา และวันเฉลิมพระชนมพรรษา

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับ ‘สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์’ ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังความปลาบปลื้มมาสู่คณะพระสงฆ์ ชาวไทย และชาวอินเดียเป็นอย่างยิ่ง

บ่ายวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พิธีวางอิฐมงคลเป็นปฐมฤกษ์โครงการก่อสร้าง ‘โรงพยาบาลวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์’ ถูกจัดขึ้น โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต พลอากาศเอกพันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์

เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น โรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นอาคาร 3 ชั้น 16 ห้อง ประกอบด้วย ห้องตรวจ ห้องจ่ายยา ห้องเอกซเรย์ ห้องตรวจเลือด ห้องสุขา ที่พักรอการตรวจ ศาลาไทย ห้องปฏิบัติวิปัสสนา ห้องบรรยายธรรมเพื่อรักษาผู้ป่วยด้วยธรรมโอสถ ที่พักรักษาผู้แสวงบุญ พระมหาเถระและฆราวาส 16 ห้อง ห้องจัดภัตตาหาร และเครื่องอำนวยความสะดวกทางการแพทย์

รองรับผู้ป่วยทั้งประชาชนชาวไทยและชาวอินเดีย โดยประชาชนชาวไทยจะได้รับการรักษาโดยแพทย์ชาวไทยจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ส่วนประชาชนชาวอินเดียจะได้รับการรักษาจากแพทย์ชาวอินเดีย

นับเป็นโครงการสำคัญยิ่งที่จะนำพาหิตานุหิตประโยชน์สู่ประชาชนทั้ง 2 ชาติ ขจัดความเจ็บปวด ป่วยไข้ พ้นทุกข์ภัยจากโรคทั้งมวล

ชญานินทร์ ภูษาทอง

ร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อสร้างโรงพยาบาล วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ผ่านทางธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 082-0-99317-4 ชื่อบัญชี วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และธนาคารทหารไทยธนชาต เลขที่บัญชี 078-2-14799-5 ชื่อบัญชี มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์