ช่อง 3 โดยบริษัท เวลาดี 2020 จำกัด ของผู้จัด ‘คุณตู่’ ปิยวดี มาลีนนท์ ส่งตรงละครรักโรแมนติก-ดราม่าครอบครัวสุดเข้มข้นเรื่อง “เมื่อตะวันลับฟ้าก็จะเป็นเวลาของดวงดาว” บทประพันธ์โดย สรรัตน์ จิรบวรวิสุทธิ์ และ คุณวดี ที่พร้อมพาแฟนๆ ดำดิ่งสู่โลกแห่งความรัก ความแค้น และอารมณ์ปะทะแบบไฟแล่บ
คว้าพระเอกฮอต ‘ริว’ วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล มารับบท ‘คิมหันต์’ นักธุรกิจหนุ่มที่มีปม อยากให้พ่อยอมรับ ประกบคู่นางเอกสาว ‘มิ้นท์’ รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร ในบท ‘นับดาว’ สาวกำพร้าสู้ชีวิต
พร้อมนักแสดงแวดล้อม อาทิ ‘มีน’ นิชคุณ ขจรบริรักษ์ (ปฐวี), ‘น้ำฟ้า’ ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ (น้ำฟ้า), วิลลี่ แมคอินทอช (เตชิต), ‘เฟรช’ อริศรา วงษ์ชาลี (มิรันตี/ ราตรี), ดีแลน ไบร์อันท์ (ทะเล), ‘แคนดี้’ สุภาภัสสร์ ผลเจริญรัตน์ (พร้อมตะวัน), มาวิน ทวีผล (ปุ๊ หรือ มนตรี), ‘นุ่น’ สุทธิภา คงแนวดี (ญาดา), ‘ไก่’ สุปราณี เจริญผล (ศศิ), ‘โย’ ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ (จิตรี), ‘ดี้’ ชนานา นุตาคม (สงวนศรี) ฯลฯ ผลงานการกำกับฯของ ณัฏฐ์กรณ์ สุทธาวาส
ทั้งนี้ ‘คุณตู่ ปิยวดี’ ผู้จัด เผยว่า “สิ่งที่อยากเน้นในละครเรื่องนี้ ก็คืออยากให้ทุกคนเห็นว่า ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เป็นจุดที่สร้างพื้นฐานให้เด็ก มีผลและมีอิทธิพลต่อความคิดและการเติบโตของเด็ก ก็เลยอยากทำละครให้คนกลับมาย้อนมองครอบครัวตัวเอง ทำให้ความสัมพันธ์มันดีขึ้น หรือเข้าใจกันและกันในมุมมองผ่านตัวละคร”
ด้านพระเอก ‘ริว วชิรวิชญ์’ กล่าวถึงบทบาทที่ได้รับว่า “ผมรับบท ‘คิมหันต์’ เป็นรองประธานโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจที่บ้าน มีความต้องการแข่งขัน อยากเอาชนะทุกอย่าง และเขาไม่เข้าใจในความรัก เพราะต้องการทำให้คนรอบตัวหรือพ่อตัวเองยอมรับ จนได้มาเจอนับดาว ทำให้เขาเริ่มดีขึ้นและเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ปมของคิมหันต์คือพ่อที่รับบทโดยพี่วิลลี่ ไม่ยอมรับว่าเราเป็นลูก สิ่งที่เห็นชัดคือเขารักลูกไม่เท่ากัน จะสปอยล์พี่มีนที่เป็นลูกอีกเมียหนึ่งแบบสุดๆ แต่ตัดมาที่เรานี่แทบจะเกลียด และวิธีที่อยากให้พ่อสนใจหรือมองมาที่ตัวเรา เราจะกวน หรือทำอะไรก็ได้ให้เขาขัดหูขัดตา อย่างน้อยวิธีแบบนี้แหละ พ่อยังสนใจคุยกับเรา แต่เราไม่เคยคุยกันดีๆ เลย ไม่เคยเจอกันตรงกลาง ซึ่งทุกครั้งที่เข้ากับพี่วิลลี่ มันเหมือนได้ส่งพลังกันจริงๆ แล้วยิ่งเขาส่งมาแต่ละครั้งนี่เต็มทุกครั้ง ดีใจมากที่ได้เจอพี่วิลลี่เรื่องนี้ เพราะทำให้ซีนยากๆ มันช่วยกันได้มากๆ เลยครับ”
‘มิ้นท์ รัญชน์รวี’ เล่าถึงบท ‘นับดาว’ ตัวละครที่ตนเองได้รับว่า “นับดาวจะเป็นเสาหลักของครอบครัว สู้ชีวิต ดูแลทั้งน้องสาวและน้าปุ๊ ครอบครัวค่อนข้างลำบาก แต่ด้วยพื้นฐานเป็นคนมองโลกแง่ดีและเข้าใจชีวิต ก็เลยอยู่ได้แบบมีความสุขในทุกๆ วัน อาจจะไม่ต้องมีเงินมากมาย ส่วนการร่วมงานกับริว ถ้าเห็นริวนอกจอคือจะขี้เล่น ตลก พอต้องมาเล่นโหมดจริงจังซีเรียส ดราม่ามากๆ ก็เลยจะมีเสน่ห์ เพราะเราไม่เคยเห็นลุกส์แบบนี้ของเขาค่ะ”
ฟาก ‘มีน นิชคุณ’ กล่าวว่า “ส่วนผมรับบท ‘ปฐวี’ คาแร็กเตอร์อบอุ่น แสนดี สุขุม เรียบร้อย ถ้าพี่คิมเป็นพระอาทิตย์ นี่น่าจะเป็นพระจันทร์ ตรงข้ามกัน ด้วยความเป็นลูกรัก พ่อเลยจะเป็นคนวางให้เราอยู่ในกรอบ วางแผนอนาคตให้หมด ซึ่งพ่อไม่เคยถามว่าเราต้องการมั้ย แล้วก็จะไปมีปัญหากับพี่คิมอีก
ตัวปฐวีชอบทำอาหาร อยากเป็นเชฟ มันเป็นเซฟโซนของเขา เขาจะเป็นคนถูกกดดัน โดนป่วนประสาทจากพี่ชายและน้องสาว แต่ที่อยู่ได้ก็เพื่อแม่ ก็เล่นยากครับ แล้วอาจจะเครียดบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาจะได้รับบทที่ร่าเริง มีเอ็นเนอร์จี้หน่อย แต่พอมาอยู่ในซีนจริงแล้วเราต้องนิ่งก็แอบอึดอัดเหมือนกัน ส่วนการร่วมงานกับพี่วิลลี่ พี่วิลลี่นี่เก่งมากๆ คือ 3 2 1 นี่คือจริงจัง แต่พอคัตปุ๊บนี่ตลก เขาจะอธิบายว่าสถานการณ์แบบนี้ควรทำยังไง สื่อสารออกมาให้คนดูเข้าใจ”
สุดท้าย ‘น้ำฟ้า ธัญญภัสร์’ แง้มว่า “คาแร็กเตอร์ ‘น้ำฟ้า’ จะสดใส เป็นคนตรงๆ มองโลกตามความเป็นจริง จะอยู่กับพี่สาวและน้าชาย น้ำฟ้ากำพร้าทั้งพ่อและแม่ เป็นตัวตึงของเรื่อง การร่วมงานกับพี่มีน คือพี่มีนเก่งมาก หนูไม่เคยเห็นพาร์ตพี่มีนในมุมสุขุมนุ่มลึกอย่างนี้ พอเขามาเป็นปฐวีมันจะมีทั้งนิสัยดี อบอุ่น นุ่มลึก ภาพเหมือนเทพบุตร ซึ่งพี่มีนถ่ายทอดบทปฐวีออกมาได้ดีมากๆ ซีนดราม่าเราดูแล้วอินไปด้วยเลยค่ะ เวลาสบตากัน เขาสื่อสารออกมาได้ดีมากๆ”
ติดตามชมละคร “เมื่อตะวันลับฟ้าก็จะเป็นเวลาของดวงดาว” ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 ดูทีวีกด 33 ดูมือถือกด 3Plus