พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) และรองผู้อำนวยการสพท. สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั้งนี้ในส่วนของผู้อำนวยการสพท. ผู้ได้รับการคัดเลือกต้องผ่านการพัฒนาตามหลักเกณฑ์ที่ก.ค.ศ.กำหนด และต้องได้รับการประเมินสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง  ส่วนรองผู้อำนวยการสพท. ให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาฯ ว 2/2562 ในการพัฒนาก่อนการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสพท.ไปพลางก่อน จนกว่า ก.ค.ศ. จะกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาฯ ใหม่

พล.ต.อ.เพิ่มพูน  กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเห็นชอบร่าง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดศธ. โดยก.ค.ศ. ได้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งใหม่ ตาม ว 19/2567 ประกอบกับมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 19/60 กำหนดให้อำนาจการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาแทน กศจ. และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 ให้เปลี่ยน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เป็น สกร. ทำให้ส่วนราชการและผู้ดำเนินการคัดเลือกฯ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา ตาม ว 8/2562 และ ว 16/2565 ที่กำหนดไว้เดิม ไม่เป็นไปตามบริบทฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป

“ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา ทุกส่วนราชการ ในสังกัดศธ. เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสอดรับกับบริบทของกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกฯ ดังกล่าว โดยให้บังคับใช้กับทุกส่วนราชการ ส่วนการบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้อำนวยการสถานศึกษาแล้วแต่กรณี ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง สั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐานตำแหน่ง หลักเกณฑ์และวิธีการนี้ ประกาศรับสมัคร และต้องผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด รวมทั้งไม่ติดเงื่อนไขอื่นใดที่ ก.ค.ศ. กำหนด ” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

“ที่ประชุมเห็นชอบรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกและผู้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการ ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำนวน 183 เขต และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา จำนวน 62 เขต รวมทั้งสิ้น 245 เขต พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาฯ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากตรวจสอบภายหลังพบว่า ประธานอนุกรรมการ หรืออนุกรรมการรายใด มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม หรือมีกรณีใดกรณีหนึ่ง ที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ จะถูกเพิกถอนการแต่งตั้งทันที” รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าว