ในปี 2568 นี้ แบรนด์กลับมาต่อยอดความสำเร็จและชูศักยภาพความเป็นผู้นำเชนร้านอาหารญี่ปุ่นอีกครั้ง พร้อมประกาศเดินหน้ารุกตลาดคนรุ่นใหม่ “เจแปนเลิฟเวอร์” มากขึ้น ด้วยการใช้ Presenter Marketing ดึง “เจฟ ซาเตอร์” ที่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มลูกค้าของเรา
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน, นักศึกษา, กลุ่มวัยทำงาน ตลอดจนกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ มาร่วมส่งมอบประสบการณ์เมนูอาหารที่หลากหลาย ครบครันด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมตอกย้ำการเป็น Top of Mind เจแปนนิสฟู้ดเดสติเนชัน คาดจะช่วยดันยอดขายให้เติบโตขึ้นอีก 10%
“ซึ่งการใช้พรีเซนเตอร์ต้องสะท้อนตัวตนของแบรนด์และสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถที่ครบเซตของเจฟ ซาเตอร์ ศิลปินสุดฮอตที่โดดเด่น ทั้งการเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ เมนเทอร์ และนักแสดง ทุกบทบาทต่างถูกยอมรับในฝีมือและศักยภาพจากผู้คนจำนวนมาก ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของยาโยอิ ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยครบคุณค่าแบบญี่ปุ่นครบเซตได้เป็นอย่างดี”
อีกทั้ง เจฟ ซาเตอร์ ยังแสดงออกถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่นการแต่งกาย รวมถึงความชื่นชอบในดนตรี J-Rock ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพลง ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของยาโยอิที่เป็นสายเจแปนเลิฟเวอร์อีกด้วย
โดยเบื้องต้นการสื่อสารความเป็นตัวตนของแบรนด์ “ยาโยอิ” จะตอกย้ำผ่าน 3 หัวใจสำคัญ ได้แก่ ราชาเทโชกุตัวจริง (King of Teishoku) ความเป็นผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นของแท้ (Authenticity) และความหลากหลายของเมนูอาหารที่ผ่านการคิดอย่างสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมแบบฉบับครัวญี่ปุ่น (Innovative Variety)
ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกถ่ายทอดด้วยคอนเซ็ปต์ความเป็น “ญี่ปุ่นครบเซต” ผ่าน “หนังสั้น” (Online Film) ที่บอกเล่าต้นกำเนิดของ “ยาโยอิ” สาขาแรกในยุคเมจิ (ค.ศ.1886) รวมถึงการโปรดิวซ์ แต่งเพลง และขับร้องเพลงประกอบโฆษณาใหม่ล่าสุด “รักครบเซต ญี่ปุ่นครบเซต”
โดย เจฟ ซาเตอร์ ในฐานะพรีเซนเตอร์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการเปรียบเมนูอาหารของ “ยาโยอิ” เป็นเหมือนความรักที่ดีที่เกิดจากความพิถีพิถันใส่ใจ และตั้งใจส่งมอบอาหารที่ดี ครบคุณค่าและสมดุลโภชนาการ นำมาเสิร์ฟรวมกันในเซตเดียวตามหลัก “เทโชกุ” เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการให้กับลูกค้าทุกๆ คนแบบ “ญี่ปุ่นครบเซต” มีหลากหลายโมเมนต์ร่วมกัน ที่สำคัญไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ
รวมถึงมีแผนกระตุ้นการตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการเตรียมเปิดตัวเมนูใหม่ที่มีความหลากหลาย ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยความเชี่ยวชาญของเชฟญี่ปุ่น ผสมผสานกับเสน่ห์ของเชฟไทยในการพัฒนาเมนูใหม่ๆ ร่วมกัน เพื่อเตรียมออกมาเซอร์ไพรส์ผู้บริโภคให้ได้ตื่นเต้นอย่างแน่นอน
นางสาวทานตะวัน กล่าวต่อว่า สำหรับแคมเปญดังกล่าว ถือเป็นแคมเปญแห่งปีที่แบรนด์ “ยาโยอิ” ได้ทุ่มงบโฆษณาและการตลาดครบทุกช่องทาง โดยคาดการณ์ว่าตลอดการจัดแคมเปญนี้ จะสามารถปลุกกระแสตลาดอาหารญี่ปุ่นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงเพิ่มจำนวนทราฟฟิกลูกค้ากลุ่ม Dine-in ได้สูงถึง 10%
“เราไม่เคยหยุดนิ่งและพัฒนาสิ่งใหม่อยู่เสมอ พร้อมตอบรับทุกอินไซต์และเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอาหารญี่ปุ่นระดับแมส และลูกค้าคนไทยทุกคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นให้ได้รับประสบการณ์เฉกเช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นในราคาที่เข้าถึงได้ ตอกย้ำการเป็น Top of Mind ฟู้ดเดสติเนชันตัวจริงที่ทุกคนนึกถึง (No.1 Destination of Japan Restaurant) อย่างแน่นอน”