แก๊งกระบะ ขับปาดจงใจให้ชนท้าย เรียกรับเงิน ขู่ทำร้าย เจอคนจริง โดนชายวัย 41 ยิงดับ 1 ราย เผยผู้เสียชีวิต เคยโดนจับในเคสให้ชนเรียกเงิน เมื่อปี 2564
วันที่ 6 เม.ย.2568 ที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.เดชา รัตนภักดี รอง สว.สอบสวน สภ.วังน้อย ควบคุมตัว นายศิวะ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ชาว ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหา “ฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น”ไปฝากขัง หลังจากก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิง นายไพโรจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา
ระหว่างที่ นาย ไพโรจน์ ถูกควบคุมตัว ออกจากห้องขังเพื่อไปฝากขัง ผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายไพโรจน์ กล่าวสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ถึงสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตเพราะ ผู้เสียชีวิตประสงค์ต่อทรัพย์ ตั้งใจขับรถให้เฉี่ยวชน และทำร้ายตนเอง จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิง
สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจาก พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี จาก.ปทุมธานี ว่า นายไพโรจน์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง ริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บ มารักษาตัวที่รพ.ปทุมธานีแล้วเสียชีวิต โดยมี นายกิติกร (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้เสียชีวิต พามาส่งโรงพยาบาล
สอบสวน นายกิติกร เพื่อนผู้เสียชีวิต ทราบว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย 2568 เวลาประมาณ 23.50 น. ตนขับรถกระบะ โตโยต้า สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร โดยมีนายไพโรจน์ ผู้เสียชีวิต นั่งมาข้างคนขับ และได้ขับปาดหน้ากับ รถคู่กรณี เป็นรถกระบะ มิตซูบิชิ สีดำเทา ทะเบียนนครราชสีมา มี นายศิวะ ผู้ต้องหาเป็นคนขับ บนถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร กม.ที่ 53 บริเวณทางขึ้นต่างระดับบางปะอิน มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 9 หมู่.1 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
จากนั้นได้จอดรถ โดยนายไพโรจน์ เข้าไปพูดคุยกับ นายศิวะ ผู้ต้องหา ส่วนนายกิติกร คนขับ ยืนอยู่ข้างรถ มีการโต้เถียงกัน จากนั้นผู้ต้องหาใช้ปืน ขนาด11มม. ยิงใส่ นายไพโรจน์ 2 นัด จนล้มลง และหันกระบอกปืนจะยิง นายกิติกร จึงวิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่า จากนั้นผู้ต้องหา ขับรถหลบหนีไป นายกิติกร จึงนำตัวนายไพโรจน์ส่งโรงพยาบาลปทุมธานี รักษาตัว แต่เสียชีวิตช่วงเช้าวันที่ 5 เม.ย.
หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สอบสวนพยานตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ก่อเหตุติดติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมตรวจยึด อาวุธปืนขนาด 11 มม.เครื่องกระสุนปืน เสื้อผ้าที่สวมใส่ รถยนต์กระบะ พบว่า มีรอยเฉี่ยวชนที่บริเวณล้อหลังซ้าย มีสีขาวของรถยนต์กระบะ ของผู้เสียชีวิตติดอยู่
เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดมาเปรียบเทียบ กับรถยนต์ของผู้เสียชีวิต ที่พบว่ามีรอยเฉี่ยวชนที่ด้านขาว ที่เกิดการเฉี่ยวชนกัน และยังพบร่องรอยการเฉี่ยวชน อีกหลายจุด
พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย ให้ข้อมมูลว่า จากคำให้การของผู้ต้องหา บอกว่า เพื่อนของผู้เสียชีวิต และผู้เสียชีวิต ขับรถปาดหน้า มีเจตนาให้เกิดอุบัติเหตุ เรียกค่าเสียหาย เพื่อหวังต่อการตบทรัพย์ และจะถูกทำร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องการสอบสวนเพื่อนผู้เสียชีวิต และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียชีวิต เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา จับกุมเมื่อปี 2564 ก่อเหตุเจตนา ขับรถให้เกิดการเฉี่ยวชน แล้วข่มขูเรียกรับเงินเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยพฤติกรรมจะตระเวนก่อเหตุช่วงเวลางกลางคืนเลือกรถยนต์ที่มีสภาพเก่า ไม่มีประกัน