เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า  มุมมองส่วนตัว: อยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งรีบตีความวิเคราะห์ไปไกลแบบนี้เลยครับ.. ยิ่งรู้ทั้งรู้ว่ามันเปรียบเทียบนโยบายการรับมือสหรัฐฯของเหล่าประเทศ “บ้านใกล้เรือนเคียง” กับของเราไม่ได้.. เพราะสิ่งที่คุณฟูอาดี้กล่าวถึงคือมุ่งเน้นไปยัง optics (สร้างภาพ) มากกว่า substance (เนื้อหาสาระ) ที่คุณบอกว่ายังไม่เห็น..

ซึ่งจะขอเรียนว่า ณ เวลานี้มาตรการการรับมือของทแต่ละประเทศที่ตกอยู่ในรายชื่อของมาตรการขึ้นภาษีใหม่ของสหรัฐฯก็ได้มีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปตามผลที่ได้รับ โดยแบ่งเป็น 3 แนวคิดหลักๆก็คือ 1. ยอมศิโรราบให้อเมริกาเพื่อแลกกับการลดกำแพงภาษี (เวียดนาม, กัมพูชา) 2. เปิดศึกต่อต้านกลับอย่างชัดเจน (แคนาดา, เม็กซิโก, จีน) และ 3. สงวนท่าทีไว้เพื่อรอการเจรจาภาษีลับหลังอีกทีเช่นที่ประเทศไทยทำ

ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องออกมาใช้โวหาร ทำตัวพองแสดงท่าทีตอบโต้ทางสื่อให้ประชาชนเห็น เพราะมันเป็นเพียงการ “สร้างภาพ” กับประชาชนเท่านั้น.. ส่วนการพยายามเชื่อมโยงการจับมือในงานการประชุม BIMSTEC ระหว่างสองผู้นำสมาชิกของกลุ่มนี้ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และไม่เคยร่วมแถลงว่าจะ “รวมหัว” ใช้มาตรการตอบโต้ในทางเดียวกัน จึงอาจถูกมองได้ว่าการโยงของคุณฟูอาดี้มีเจตนานำมาบิดเบือนเพื่อโจมตีภาวะผู้นำของนายกฯเรา

หากจะหยิบยกตัวอย่างของประเทศสิงคโปร์มาเปรียบเทียบ ซึ่งขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯอยู่ที่ 2,800 ล้าน USD (หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท) เพราะเช่นนั้นการขึ้นภาษี 10% ของสหรัฐฯจึงแทบจะไม่มีผลกระทบกับสิงคโปร์เลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับไทย การจะให้เอาแอ็คชั่นของ นายกฯหว่อง มาเทียบกับของ นายกฯแพทองธาร ต่อสถานการณ์ภาษีนี้ก็เหมือนเป็นการ “เอาแอปเปิ้ลมาเทียบกับส้ม” แทนที่จะรอผลการเจรจาลับหลังระหว่างสองรัฐบาลก่อนแล้วรอดูผลลัพท์ พวกคุณกลับจะมาด่วนตัดสินใจ (อีกแล้ว) เช่นที่ผ่านๆมา..

เพราะกี่ครั้งแล้วครับ ที่ได้มีการออกมากดดันหรือกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีทีท่าหรือไม่ทำอะไร? เพียงเพราะรัฐบาลแค่ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องสร้างภาพด้วยการสาวไส้ตัวเองและนำเอาเนื้อหาในการเจรจามาออกสื่อ แต่สุดท้ายผลลัพท์ก็คือการจบลงได้ด้วยดีเช่นการนำเอาคนไทยที่เป็นตัวประกันที่กาซ่ากลับหรือล่าสุด 4 ลูกเรือชาวประมงกลับมาจากเมียนมาสำเร็จ.. แต่ฝ่ายค้านที่ได้โจมตีการทำงานของรัฐบาล (จนบางทีพาลไปถึงคู่เจรจาจนเกือบเสียงาน) ในกรณีดังกล่าวก่อนหน้านี้ผ่านสื่อ กลับไม่ยอมถอดบทเรียนว่าในบางเรื่องก็ควรสงวนท่าทีไว้บ้างแทนการหาเรื่องวิจารณ์นายกฯและรัฐบาลไปวันๆอย่างไม่สมเหตุสมผลครับ

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก พายุ เนื่องจำนงค์