ยกระดับความตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ หลังดีเอสไอ โดยมติคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. รับเรื่องฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงิน
ส่วนจะขยายผลไปถึงอั้งยี่ซ่องโจรด้วยหรือไม่ ต้องดูกันยาวๆ
แต่ที่น่าตื่นตะลึง ล่าสุดจากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลเอกสาร และโพยฮั้ว ที่ทีมสอบสวนดีเอสไอได้มา และนำมาสแกนหาจุดเชื่อมโยง กระทั่งพบพฤติกรรมบุคคลมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว
มหาศาลกว่า 20,000 คน กระจัดกระจายอยู่ทุกจังหวัด
20,000 คนนี้เป็นผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอราว 6,400 คน หลุดเข้าไประดับจังหวัดเกือบ 960 คน และเล็ดลอดเข้ารอบสุดท้าย 430 กว่าคน กระทั่งได้รับเลือกเป็นสว. 138 คน
ดีเอสไอจึงได้ประสานตำรวจภูธรจังหวัด สั่งการไปยังสถานีตำรวจภูธรทุกอำเภอเรียกสอบคนในเครือข่ายใยแมงมุมนี้ทั้ง 20,000 กว่าคน
เรียกดูความเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารช่วงตั้งแต่ประกาศสมัครรับเลือกสว. กลางพ.ค.67 ไปจนถึงเสร็จสิ้นการเลือกระดับประเทศปลายมิ.ย.67
ถึงกระนั้นในการสอบสวนยังได้เปิดโอกาสการกันเป็นพยาน หากผู้ร่วมขบวนการคนใดยอมให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนหาเส้นเงิน และให้หลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิดทั้งในระดับเดียวกันและสูงกว่า
โดยเฉพาะข้อมูลขั้นตอนขบวนการชักชวนว่าจ้าง การให้โพยฮั้ว การนัดประชุมวางแผน การจ่ายเงิน และชื่อผู้กระทำผิด
ทั้งหมดนี้เป็นไปตามข้อบังคับ กคพ.ว่าด้วยแนวทางการสอบสวนบุคคลที่เป็นพยานสำคัญในคดีพิเศษ พ.ศ.2568 การกันบุคคลที่รู้เห็นการกระทำผิดในคดีพิเศษเป็นพยาน
ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์ในเรื่องการให้ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อคดี การคุ้มครองพยาน การปกปิดข้อมูลพยานเพื่อความปลอดภัย และการได้รับการลดหย่อนโทษหรือละเว้นโทษ ซึ่งการพิจารณาว่าจะกันบุคคลเป็นพยานขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
คำให้การของพยานจะถูกบันทึกเป็นทางการเพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี หากพยานให้การเท็จจะมีโทษตามกฎหมาย
พยานหลักฐานที่ดีเอสไอได้มา ประกอบกับเงื่อนไขแนวทางการกันบุคคลกว่า 20,000 คนไว้เป็นพยาน จะยอมคายข้อมูลช่วยให้สาวไปถึงตัวการชักใยได้มากน้อยแค่ไหน
รอยเลื่อนในวุฒิสภาไทย จะส่งแรงสะเทือนเท่ารอยเลื่อนสะกายหรือไม่
คอการเมืองห้ามละสายตาเด็ดขาด
มันฯ มือเสือ