“อิมแพ็ค” ทุ่ม 100 ล้านเดินหน้าติดตั้ง CCTV 200 ตัว หนุนเมืองทองธานีสู่ Smart City เต็มรูปแบบภายใน 3 ปี เผยนำดาต้ามาบริหารจัดการแบบเรียลไทม์ ทั้งจัดการขนส่ง แก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ อำนวยความสะดวกการเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายทั้ง 2 สถานี พร้อมดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการเมืองทองธานี พื้นที่รวมกว่า 4,000 ไร่ ให้เป็น Smart City หรือเมืองอัจฉริยะเต็มรูปแบบภายในระยะเวลา 3 ปีจากนี้ โดยเฟสแรกจะมุ่งเป้าที่การจัดการด้านการขนส่ง วางระบบการจราจรในพื้นที่ให้สามารถเชื่อมต่อกับบริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้ามาในเมืองทองธานีทั้ง 2 สถานีให้เป็นระบบและมีความคล่องตัว
โดยวางงบฯลงทุนไว้มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท สำหรับดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือ CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะจำนวน 200 ตัว เพื่อจะนำดาต้าช่วยบริหารจัดการด้านการขนส่ง แก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ และช่วยให้การเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายทั้ง 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี บริเวณอาคารชาเลนเจอร์ และสถานีริมทะเลสาบ เมืองทองธานี เกิดความสะดวก ด้วยระบบการจัดการที่เป็นแบบเรียลไทม์
รวมทั้งสามารถเช็กปริมาณรถยนต์และจำนวนคนเข้าออกในพื้นที่แบบทันท่วงที พร้อมดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยการดำเนินการระยะแรกได้แล้วเสร็จไปแล้วในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
“การติดตั้ง CCTV ที่เป็นระบบอัจฉริยะนี้จะช่วยเสริมจากที่มีอยู่เดิมภายใต้โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ที่ผ่านมา ในการดูแลเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ โดย CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะที่นำมาใช้นี้มีความสามารถตรวจจับสภาพการจราจร ตามทางแยกโดยใช้กล้อง CCTV มาปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟ จราจรได้ตามความเหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับสามารถปรับปรุงการไหลของปริมาณรถ เพื่อลดเวลาในการเดินทางได้ และเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่โดยใช้เทคโนโลยีตรวจจับและเตือนภัย โดยการแจ้งเตือนเมื่อมีอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดอันตรายในพื้นที่ได้” นายพอลล์กล่าว
ด้านนายธนรัฐ เข็มเพ็ชร ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารเมือง บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า การสำรวจและกำหนดจุดในการติดตั้ง CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะครอบคลุมทั้งแยกสำคัญ ถนนหลัก และทางเข้าออกเมืองทองธานี เพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและดูแลความปลอดภัยให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่
รวมทั้งหมด 18 จุด คือ บริเวณแยกไฟแดงของอาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม, แยกโรงเรียนเลอโนท, วงเวียนทางเข้าอิมแพ็ค, วงเวียนของอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์, แยกบีไฮฟ, ถนนด้านหลังทางออกคลองปะปา และถนน S19
โดยจะติดตั้งเพิ่มเติมอีกรวม 10 จุด ได้แก่ บริเวณปากทางเข้าจากถนนแจ้งวัฒนะ, แยกธนาคารกสิกรไทย, แยกโครงการโมริคอนโด, วงเวียนทางเข้าอิมแพ็ค, แยกคอสโม, ถนน S19, แยกด้านหน้าอาคารชาเลนเจอร์ (รอยัล จูบิลี่), แยกอาคารอิมแพ็ค อารีน่า, แยกด้านหลัง Hall 9 และบริเวณสะพานทางเชื่อมอาคารชาเลนเจอร์และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ใต้ Sky Kitchen เป็นต้น
นอกจากนี้ อิมแพ็คโดยฝ่ายบริหารเมืองยังได้มีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร จัดการฝึกอบรมการทำงานควบคู่กับการทำงานของระบบอัจฉริยะ โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจในท้องที่ในการจัดฝึกอบรมด้านการรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจร การดูแลการเดินทางเข้าออกพื้นที่ รวมถึงการปรับภูมิทัศน์เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เพื่อตอบรับกับนโยบายการพัฒนาและยกระดับเมืองทองธานีสู่ Smart City ที่สมบูรณ์แบบเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชาวชุมชน พร้อมส่งเสริมการอยู่อาศัยและการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ทันสมัยและปลอดภัยในอนาคต