วันที่ 9 เมษายน 2568 ณ.สนามฝึกซ้อมมวย มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มวยไทยไม่ใช่แค่กีฬา! 'จ้าวเสือใหญ่' กับการเดินทางจากเด็กเกเรสู่ซุปเปอร์สตาร์ นี่คือประวัติศาสตร์ของวงการมวยไทย “จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี” เป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงในเวที ONE ลุมพินี มีผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่น่าจับตามอง เขาได้รับความสนใจจากแฟนๆ มวยไทยอย่างมาก ด้วยทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและสไตล์การชกที่ดุดัน ที่ล่าสุด จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี โชว์ฟอร์มสดชนะน็อคเอาท์ยกที่2 “เดนิส พูริช” ในศึก ONE ลุมพินี เมื่อได้รับเชิญมา พูดคุย ในรายการ DRAFT Story 101
โดย รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ได้มาเปิดเรื่องราวในชีวิตวัยเด็กคนหนึ่ง สู่จอมเข่าลอยระดับประเทศ "จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี" นักมวยผู้ไม่เคยยอมแพ้ ที่เริ่มต้นจากแค่ความสนุกในวัยเด็ก แต่ด้วยใจรักและความมุ่งมั่น ทำให้เขาก้าวขึ้นเป็นนักมวยอาชีพที่มีรายได้หลักล้านแม้มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่เคยทิ้ง"การเรียน" เพราะเชื่อว่าความรู้คือพื้นฐานชีวิตหลังเลิกชก
"รศ.ดร.ดวงฤทธิ์" ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการทีมชาติมวยไทย กล่าวว่า จะมีกีฬากี่ประเภทที่คนทั่วโลกรู้จัก และจะมีกีฬาสักกี่ประเภทที่ทุกคนทั่วโลกให้ความชอบ ให้ความนิยม สนใจและที่สำคัญครับจะมีกีฬาสักกี่ประเภท"ที่มีชื่อประเทศในกีฬานั้นๆ" ก็คือ "มวยไทย" ของเรานี่แหละ ได้ถาม จ้าวเสือใหญ่ รู้จักมวยไทยได้อย่างไร ผมรู้จักมวยไทยตั้งแต่เด็กครับ แค่เล่นกับเพื่อน ๆ ตามประสาเด็กทั่วไป เห็นทีมมวยซ้อมกันก็น่าสนใจ เลยชวนเพื่อนไปดู จนวันหนึ่งเทรนเนอร์ที่เห็นผมอยู่ประจำก็ชวนให้ลองเตะกระสอบทรายดู จากวันนั้น...ผมก็ไม่เคยหันหลังให้มวยอีกเลย"หลงเสน่ห์มวยไทย
ได้เริ่มต้นจากความสนุก จนกลายเป็นความรักที่หยั่งรากลึกในกีฬามวยไทย และมีแรงบันดาลใจที่สำคัญมาจากคุณพ่อ ผู้พาเขานั่งดูมวยช่อง 7 ทุกวันอาทิตย์
จุดเปลี่ยนชีวิตจากแค่ "เล่น" ไปสู่ "มืออาชีพ""ผมเริ่มชกมวยตอนอายุ 7 ขวบ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีรายได้ จนชกไปสักพัก เริ่มได้เงิน ซื้อข้าวเอง ซื้อของเอง ช่วยพ่อแม่ได้ ผมเลยเริ่มจริงจังมากขึ้น กลายเป็นเป้าหมายว่า…ผมอยากเป็นแชมป์"ผมฝึกซ้อมอย่างหนัก มีช่วงเวลาที่ต้องลดน้ำหนักภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนชั่งน้ำหนัก บางวันวิ่งจนหมดแรงแต่น้ำหนักก็ยังเกิน แต่ผมไม่เคยยอมแพ้
“ไม่ยอมแพ้” คือคติประจำใจ
"นักมวยระดับโลกหลายคนที่ผมเคยเจอ มีคำพูดเดียวกันคือ ไม่ยอมแพ้ ผมเองก็เคยเจอจุดที่ท้อเหมือนกัน ตอนเด็กเคยชั่งน้ำหนักไม่ผ่าน ถอดใจพักไป 4-5 เดือน แต่สุดท้ายก็คือคำว่า ‘ไม่ยอมแพ้’ นี่แหละที่พาผมกลับมา"จากนักมวยธรรมดา สู่จอมเข่าลอย จนถึงความฝันบนเวที ONE Championship เคยผ่านรายการดังอย่างมวยช่อง 7, ลุมพินี, ราชดำเนิน และฝันว่าจะได้ขึ้นเวที ONE Championship "ผมอยากชกกับ ‘รถถัง’ มากครับ เขาเป็นระดับต้น ๆ ของประเทศ ถ้ามีโอกาส ผมพร้อมครับ!"
จ้าวเสือใหญ่ ย้ำว่า มวยไทยไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือศิลปะวัฒนธรรม เป็นอาชีพ เป็นรายได้ และเป็น Soft Power ที่สร้างชื่อให้ประเทศไทยเรียนไปด้วย ชกมวยไปด้วย แม้จะมีรายได้หลักล้าน แต่เขาไม่เคยทิ้งการเรียน "ปัจจุบันเรียนอยู่ระดับปริญญาตรีที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และต้องขอขอบคุณ ท่าน "ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล" อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีที่ให้ทุนสนับสนุนในเรื่อง การศึกษาของผมครับ
"เมื่อก่อนผมเคยคิดแค่ว่าได้เงินจากการชกมวยก็พอ แต่พอได้คิดว่าชีวิตมันไม่ใช่แค่ตอนนี้ ผมเลยตั้งใจเรียน เพราะการศึกษาจะเปิดโอกาสอีกหลายอย่าง เช่น การสื่อสารกับชาวต่างชาติ การวางแผนชีวิตหลังเลิกชก" เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของจ้าวเสือใหญ่
"อยากเป็นนักมวยอาชีพ ต้องมี 3 อย่างครับ เป้าหมาย, ความมุ่งมั่น และ 'ไม่ยอมแพ้'"ความฝันระยะยาว: เป็นนักแสดง แม้ตอนนี้ยังอยู่บนสังเวียน แต่เขาเตรียมวางแผนชีวิตหลังมวยไว้แล้ว หนึ่งในความฝันคือ “อยากแสดงหนัง”
"กีฬาต่อสู้มีอายุของมันครับ เราไม่สามารถต่อยมวยไปจนเกษียณได้ ผมอยากทำอะไรที่ได้ใช้ประสบการณ์ ความสามารถ และความเป็นตัวตนของผมต่อไป"
"ไม่ยอมแพ้" คือคีย์เวิร์ดของแชมป์ทุกคน และจ้าวเสือใหญ่ก็เชื่อว่า ถ้าเรามีเป้าหมาย มีใจสู้ สักวันหนึ่ง…เราจะเป็นแชมป์ได้เหมือนกัน และเชื่อว่าวันนี้เขาจะไม่หยุดฝัน แต่อยากพัฒนาตัวเองต่อไปทั้งในฐานะนักกีฬา และอนาคตในวงการบันเทิงเพราะว่ามวยไทยสำหรับเขา...ไม่ใช่แค่กีฬา แต่คือชีวิต ศิลปะ แรงบันดาลใจและ Soft Power ของประเทศไทย