UNISOC Miracle Gaming Engine ร่วมมือกับสมาร์ทโฟน nubia Neo 3 5G พร้อมมอบประสบการณ์การเล่นเกมรูปแบบใหม่เหนือจินตนาการ

กรุงเทพฯ –ZTE ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเกมมิ่งรุ่นล่าสุด “nubia Neo 3 Series” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยประกอบด้วย nubia Neo 3 5G และ nubia Neo 3 GT 5G ซึ่งได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในระดับโลกที่งาน MWC Barcelona 2025 ทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยชิป 5G ประสิทธิภาพสูงจาก UNISOC รุ่น T8300 และ T9100 ตามลำดับ พร้อมรองรับเทคโนโลยี UNISOC Miracle Gaming Engine ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมมิ่งบนมือถือให้ลื่นไหลและทรงพลังในทุกมิติ

nubia Neo 3 5G มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว จอแสดงผล 120Hz ให้ภาพลื่นไหลต่อเนื่อง แบตเตอรี่ความจุ 6000mAh รองรับชาร์จไว 33W พร้อมด้วยปุ่มเสริมเกมมิ่งแบบคู่ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมเกม ดีไซน์ภายนอกสะท้อนเอกลักษณ์แบบไซเบอร์-เมคคาที่ทันสมัยและโดดเด่น ขณะที่ nubia Neo 3 GT 5G ใช้ชิปเซ็ต UNISOC T9100 ที่มีความเร็วซีพียูสูงสุดถึง 2.7GHz พร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดสูง จอแสดงผล 120Hz เสริมด้วยระบบระบายความร้อน VC ขนาดใหญ่ ช่วยควบคุมอุณหภูมิระหว่างเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 6000mAh รองรับการชาร์จไว 80W ระบบเสียงแบบ DTS:X Ultra ลำโพงคู่สเตอริโอ และระบบสั่น Z-axis ที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ เสริมด้วยอินเทอร์เฟซ AI Game Space 3.0 ที่ให้ประสบการณ์เกมมิ่งระดับมืออาชีพ

UNISOC Miracle Gaming Engine ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ไหลลื่นด้วยเฟรมเรตที่เสถียร รองรับโหมดภาพคุณภาพสูง 90 FPS ในเกมยอดนิยม เช่น Arena of Valor, Mobile Legends: Bang Bang และ Free Fire พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยลดอัตราการเฟรมตกได้สูงสุดถึง 41%-85% ลดเวลาโหลดเกมในช่วงเริ่มต้นลงสูงสุด 50% และลดความหน่วงในการเล็งและยิงใน PUBG ได้มากถึง 80% ส่งผลให้ผู้เล่นสามารถตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ UNISOC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านเครือข่ายโดยเฉพาะสำหรับเกมเมอร์ ภายใต้ชื่อ Gaming Exclusive Network Solution 1.0 ที่ช่วยจัดการการเชื่อมต่อ Wi-Fi และโมเด็มให้มีความเสถียรยิ่งขึ้น โดยสามารถลดค่า Latency ในเกม Arena of Valor ได้มากถึง 80% แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมเครือข่ายที่ซับซ้อน พร้อมด้วยเทคโนโลยีเสียงจากความร่วมมือกับ Tencent GVoice เพื่อให้การสื่อสารภายในเกมชัดเจนและลื่นไหล แม้อยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน

ด้านภาพกราฟิก UNISOC Miracle Gaming Engine ยังได้เสริมด้วยฟีเจอร์ Super HDR และ Picture Quality Enhancement 1.0 ที่ช่วยเพิ่มความลึกและความคมชัดของภาพในเกม พร้อม Super Gaming Resolution ที่ช่วยลดภาระของ GPU ขณะยังคงคุณภาพของภาพให้สูงสุดทำให้สามารถเล่นเกมต่อเนื่องได้ยาวนานโดยไม่กินพลังงานมากเกินไป

UNISOC ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีชิปเซ็ตยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศเกมมิ่งที่ครอบคลุม ด้วยพอร์ตโฟลิโอชิปเซ็ตสำหรับอุปกรณ์ 4G และ 5G ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น T7280, T7255, T7250, T7225, T7200 and 5G platforms: T8100, T8200, T8300 และ T9100 ทั้งยังมีการจัดจำหน่ายในกว่า 140 ประเทศ และได้รับการรับรองจากผู้ให้บริการเครือข่ายมากกว่า 270 รายทั่วโลก

ในอนาคต UNISOC ยังคงยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาแบบเปิดและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับนักพัฒนาเกม ผู้ผลิตอุปกรณ์ และพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างนวัตกรรมเกมมิ่งแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ใช้งาน พร้อมผลักดันให้วงการเกมมือถือทั่วโลกเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวกระโดดอย่างเต็มที่

หมายเหตุ: ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ UNISOC ซึ่งผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันตามเวอร์ชันซอฟต์แวร์ สภาพแวดล้อม และปัจจัยอื่น ๆ