บุรีรัมย์ รมว.ต่างประเทศ ติดตามคืบหน้า ยกระดับ "ช่องสายตะกู" เป็นจุด ผ่านแดนถาวร
GH News April 10, 2025 05:10 PM

 

บุรีรัมย์ รมว.ต่างประเทศ ติดตามคืบหน้า ยกระดับ "ช่องสายตะกู" เป็นจุด ผ่านแดนถาวร

รมว.การต่างประเทศ เดินทางติดตามความพร้อม การยกระดับจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ตรงข้าง บ้านจุ๊บโกกี  อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.68 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วยกรมเอเชียตะวันออก กรมการกงสุล กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อรับฟังสรุปและติดตามความคืบหน้าการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้า "ช่องสายตะกู" บ้านสายโท 6 ใต้ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ตรงข้ามบ้านจุ๊บโกกี  อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด ก่อนจะเดินทางพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 

โดยมีนายเกียงศักดิ์  สมจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ตลอดทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอข้อมูลความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อมเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองฝ่าย สร้างมูลค่า ทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ 

ซึ่งปัจจุบันทุกภาคส่วนได้เร่งดำเนินการให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เนื่องจากติดขัดด้านกฎหมายบางส่วนเช่นเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา  ส่วนทางด้านของฝ่ายกัมพูชาได้มีการยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรแล้ว

 สำหรับปัญหาอุปสรรคที่ยังไม่สามารถยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ เนื่องจากอยู่ในบริเวณพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก(ดงพญาเย็น – เขาใหญ่) ต้องรอขั้นตอนการเพิกถอนพื้นที่อุทยาแห่งชาติตาพระยา และขอใช้ประโยชน์บางส่วนประมาณ 199 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่กระทบโดยตรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ซึ่งในระดับหน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการตอนเรียบร้อยแล้ว กระบวนการต่างๆ อยู่ระหว่างสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมาย รวมถึงอยู่ระหว่างจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

โดยจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตะกู-จุ๊บโกกี ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ อยู่ตรงข้าม บ้านจุ๊บโกกี  อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา แต่เดิมเป็นช่องทางธรรมชาติ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนทั้งชาวไทย และกัมพูชามีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างกันเดินทางไปมาหาสู่และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันมาอย่างยาวนาน เพราะเป็นพื้นที่ราบ

 

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2554 ได้เปิดเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อมนุษยธรรมช่องส่ายตะกู สัปดาห์ละ 1 วัน และมีจำนวนผู้ที่เดินทางไปเยี่ยมชมมากขึ้นจึงเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 2 วัน อยู่ในการดูแลของฝ่ายความมั่นคง กองกำลังสุรนารี จากนั้นทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชาได้ประชุมร่วมกันหลายครั้งตั้งแต่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องระดับพื้นที่ เพื่อยกระดับเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า จนกระทั่งปัจจุบันเปิดให้ทำการค้าชายแดนทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น - 15.00 น. และเป็นช่องทางนำเข้า ส่งออกสินค้า โดยปฏิบัติพิธีการศุลกากรที่ด่านศุลกากรช่องจอม สินค้าที่ส่งออกเช่น สินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน ผักสด ผลไม้สด อาหารสำเร็จรูป เครื่องนุ่งห่ม สินค้าเบ็ดเตล็ด วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องครัว เครื่องนอน 

ส่วนสินค้านำเข้า เช่น ใบหญ้าคา ผลผลิตจากพืช ผักสด ผลไม้สด ของป่าตามฤดูกาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักสาน ผลิตภัณฑ์จากไม้ และสินค้าเบ็ดเตล็ด 

 

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับเมื่อได้รับการยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวร คาดว่า จะมีมูลค่าการค้าชายแดนที่เพิ่มสูงมากขึ้นเนื่องจากบริเวณช่องสายตะกู มีภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการค้าชายและเอื้อต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพราะมิใช่แค่นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเท่านั้น แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากหลาย ๆ ประเทศ ก็จะเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์ และต่อไปยังกลุ่มจังหวัดหรือจังหวัดอื่น ๆในประเทศ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ดังนี้

ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มขึ้น สร้างโอกาสในการขยายการค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดข้างเคียง ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย - กัมพูชา เพิ่มขึ้นช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย สามารถส่งออกสินค้าผ่านแดนจากจังหวหวัดบุรีรัมย์ไปยังประเทศที่สาม เช่น เวียดนาม จีน (ตอนใต้) เป็นต้น ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังจังหวัดเสียมราฐ และจังหวัดอื่น ๆ ของราชอาณาจักรกัมพูชาได้ในระยะทางที่สั้นกว่าการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ทำให้ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งของผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง การขยายตัวด้านการค้า การลงทุน โดยรอบเขตจุดผ่านแดนถาวรจะมีเพิ่มขึ้น จะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นสินค้าอุปโภค บริโภค หรือสินค้าประเภทอื่น ๆ นำสินค้ามาจำหน่าย หรือมีการตั้งจุดกระจายสินค้า ณ บริเวณใกล้เคียงจุดผ่านแดนถาวร ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจในอำเภอบ้านกรวดเพิ่มสูงขึ้น นักท่องเที่ยวจะมีการเดินทางเข้าออกบริเวณจุดผ่านแดนถาวรเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นๆ ในประเทศมากยิ่งขึ้น มูลค่าเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงขึ้นราคาอสังหาริมทรัพย์บริเวณโดยรอบจุดผ่านแดนดารและใกล้เคียงจะปรับตัวขึ้นเพื่อรองรับความเจริญในอนาคต

หลังจากนั้น นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และคณะ ได้เดินทางไปที่บ้านกะโลง หมู่ที่ 8 ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพื่อเยี่ยมปลอบขวัญครอบครัวของแรงงานไทย ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบในประเทศอิสราเอล ด้วย.

 


 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.