รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทีโวสนั่นอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังพา “ผีแดง” พลิกจากที่ตกเป็นรอง 2-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษกลับมาแซงชนะ โอลิมปิก ลียง จากฝรั่งเศส แบบสุดดราม่า 5-4 ในศึกยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คว้าตั๋วผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 2 นัด 7-6
เกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำก่อน 2-0 แต่กลับแผ่วปลายโดน ลียง ไล่เจ๊าเป็น 2-2 จนทำให้ต้องไปวัดกันต่อในช่วงเอ็กซ์ตราไทม์ และก็เป็น “โอแอล” ซึ่งเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนจากการโดนไล่ออกของ โกรองแตง โตลิสโซ ที่รัวเพิ่ม 2 ตุงแซงขึ้นนำ 4-2 และทำท่าจะคว้าชัยได้อยู่แล้ว กระทั่ง เรด เดวิลส์ มาเร่งเครื่องกระหน่ำ 3 ประตูรวดในช่วงไม่ถึง 10 นาทีสุดท้ายจาก บรูโน แฟร์นันด์ส, ค็อบบี เมนู และ แฮร์รี แม็กไกวร์ พลิกกลับมาแซงเข้าวินได้อย่างเหลือเชื่อ 5-4
อโมริม กล่าวว่า “ผมดูสารคดีของปี 1999 (ฤดูกาลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์) เพื่อหาแรงบันดาลใจสำหรับช่วงเวลาอย่างนี้ มันเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ ทีมของเราอ่อนล้ามาก เราตกเป็นรอง 2-4 โดยมีผู้เล่นมากกว่า 1 คน เราคิดว่า มันจบแล้ว แต่สำหรับที่นี่มันไม่เคยจบ”
“ที่นี่ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด คุณสามารถรู้สึกได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว ตอนเราไล่มา 3-4 หลังจากจุดโทษของ บรูโน แฟร์นันด์ส เรารู้สึกได้เลยว่า เราสามารถเปลี่ยนเกมได้”
นอกจากนี้ กุนซือชาวโปรตุกีส ยังชี้แจงถึงเหตุผลที่ดัน แม็กไกวร์ ขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าในช่วงต่อเวลาพิเศษอีกด้วย โดยระบุว่า “เราลองส่ง แฮร์รี แม็กไกวร์ ขึ้นไปเล่นในแดนหน้าเพราะเขาเป็นคนเดียวที่โหม่งทำประตูได้ ค็อบบี เมนู ยังขาดความฟิตเพราะเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ แต่เขาทำได้ดีมากในช่วงเวลาสั้นๆ”.
ภาพ AFP, gettyimages