ดับบลิว เฮ้าส์ ลุยตลาด Ultra-Luxury บุกงานสถาปนิก’68 อวดโฉมบ้านซีรีส์ใหม่ เจาะลูกค้าเศรษฐี -สร้างแบรนด์
เมื่อวันที่ 18 เมษายน นายเจตน์ กาญจนกูล กรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิว เฮ้าส์ จำกัด (W House) บริษัทรับสร้างบ้านโมเดิร์นหรู ประสบการณ์กว่า 26 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดใหม่ในกลุ่ม Ultra-Luxury เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเศรษฐีที่มีกำลังซื้อสูงในทำเลหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ เช่น เขาใหญ่ เชียงใหม่ และจังหวัดติดชายทะเล ที่ต้องการสร้างคฤหาสน์โมเดิร์นหรู ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้า Ultra-Luxury ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ และนักลงทุน มีที่ดินเปล่า และต้องการสร้างบ้านขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 1,000 ตร.ม. มูลค่าตั้งแต่ 50–100 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ และเชื่อมโยงความเป็นตัวตนได้อย่างชัดเจน ไม่ซ้ำใคร พร้อมกับมีความคาดหวังสูงในความประณีต และคุณภาพในทุกมิติ ทั้งในด้านโครงสร้าง สถาปัตยกรรม และบริการครบวงจร
“Ultra-Luxury จะเป็นตลาดใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาส และเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ดับบลิว เฮ้าส์ ในภาพรวม จากเดิมที่มีฐานลูกค้าหลักในกลุ่ม 15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเปิดให้บริการครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก” นายเจตน์ กล่าว
นายเจตน์ กล่าวว่า ความสำเร็จจากการเข้าร่วมงานสถาปนิกเป็นครั้งแรกในปี 2567 ที่ผ่านมา “ดับบลิว เฮ้าส์” ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าที่เปิดใจ พร้อมนัดหมายออกแบบ และสั่งจองสร้างบ้านเป็นจำนวนหลายหลัง จึงต่อยอดความสำเร็จเข้าร่วมงานสถาปนิก’68 เป็นปีที่สอง และนับเป็นก้าวสำคัญของการสะท้อนจุดยืนในฐานะ Lifestyle Architect ผู้สร้างบ้านที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่คือพื้นที่ชีวิต
สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายเพิ่มการรับรู้แบรนด์ “ดับบลิว เฮ้าส์” ในกลุ่มบ้านหรูระดับ Ultra-Luxury ที่ต้องการมาตรฐานสูงสุดในการออกแบบและก่อสร้าง, วางแผนการเจรจานัดหมายลูกค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 รายภายในงาน และตั้งเป้ายอดจองสร้างบ้านอย่างน้อย 3 หลังภายหลังจากที่งานจบลง และการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ พร้อมได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
นายเจน์กล่าวว่า ทั้งนี้ไฮไลต์ที่จะเกิดขึ้นในงานสถาปนิก’68 “ดับบลิว เฮ้าส์” มาพร้อมกับโซน Interactive เน้นสร้างพื้นที่การสนทนาระหว่างลูกค้ากับทีมออกแบบตัวจริง พร้อมเปิดตัวคฤหาสน์ 6 หลัง จาก 6 แบบบ้านในซีรีส์ใหม่ “THE WORLD” เป็นครั้งแรก ได้แก่ THE MOON, THE WIND, THE FLAME , THE OCEAN, THE FOREST และ THE SUN ที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มลูกค้า Ultra-Luxury โดยเฉพาะ ภายใต้แนวคิด “More is More” หมายถึงการออกแบบที่กล้าหาญ โดดเด่น และแสดงตัวตนของเจ้าของบ้านได้ชัดเจน ทั้งในมิติของแรงบันดาลใจ รายละเอียด และคุณค่าที่มากขึ้นด้านดีไซน์ วัสดุ และฟังก์ชันการใช้งาน
ที่สำคัญจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ความสนใจเรื่อง “ความแข็งแรงของโครงสร้างบ้าน” เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่สร้างบ้านเพื่อเป็นการลงทุนในระยะยาว ซึ่งสอดรับกับแนวทางการทำงานของ “ดับบลิว เฮ้าส์” ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงสร้างต้านแรงสั่นสะเทือนเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ โดยมีระบบควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน ISO และทีมงานมืออาชีพที่ดูแลตลอดกระบวนการ รวมทั้งบริการหลังการขายแบบครบวงจร
นอกจากการออกแบบแล้ว หัวใจสำคัญที่ทำให้ “ดับบลิว เฮ้าส์” สามารถเติบโตได้ท่ามกลางตลาดรับสร้างบ้านหรูแข่งขันสูง นายเจตน์ ย้ำว่า มาจากบริการ Lifetime Service เป็นการดูแลบ้านระยะยาว โดยลูกค้าแต่ละหลังจะมีวิศวกรคอยดูแลและให้บริการแบบครบวงจรแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มดูแบบ ปรับแบบ การยื่นขออนุญาต ก่อสร้าง ไปจนถึงการส่งมอบบ้าน และบริการหลังการขายที่มีให้ในระยะยาว นอกจากโครงสร้างที่มีรับประกัน 20-30 ปี งานหลังคา 5 ปีแล้ว
นายเจตน์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 ปีนี้ มีแนวโน้มการแข่งขันสูงจากการที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) รายใหญ่เริ่มเข้ามาในตลาดรับสร้างบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับกลางถึงบน อย่างไรก็ตาม “ดับบลิว เฮ้าส์” ยังคงเลือกโฟกัสในตลาด Ultra-Luxury ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทาง ทั้งในด้านการออกแบบ วิศวกรรม และการควบคุมคุณภาพ
“เราเชื่อมั่นในประสบการณ์ของทีมงานที่อยู่ในวงการมากว่า 26 ปี ซึ่งได้ผ่านการสร้างคฤหาสน์หรู บ้านหลังใหญ่มาแล้วมากกว่า 500 หลัง ทำให้เข้าใจความต้องการเชิงลึก และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด” นายเจตน์ กล่าว
เตรียมพบกับ “THE WORLD” คฤหาสน์หรู ซีรีส์ใหม่เป็นครั้งแรก ที่งานสถาปนิก’68 จัดขึ้นระหว่าง 29 เมษายน – 4 พฤษภาคมนี้ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี