สธ.ได้ข้อสรุปแก้ปัญหา หมอขาดแคลน จ่อประกาศพื้นพิเศษเพิ่มสวัสดิการ ให้เป็นพื้นที่เหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ซึ่งจะมีการดูแลด้านสวัสดิการมากกว่าพื้นที่อื่นๆ
วันที่ 18 เม.ย.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมแก้ปัญหา ‘หมอลาออก’ และขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในทุกวิชาชีพ ร่วมกับเลขาธิการแพทยสภา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาแพทย์ลาออกจากระบบราชการ คือการเดินหน้าทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ. …. หรือ ก.สธ. ซึ่งถ้ามีการออกเป็นกฎหมายแล้วเสร็จ ก็จะมีการปรับเรื่องการบรรจุแต่งตั้ง เงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการทั้งหมด ที่สธ.สามารถบริหารได้เอง อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่าแม้จะผ่านความเห็นของสภา แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ทั้งนี้ตนได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างแพทยสภาเพื่อให้คำแนะนำ
“แพทย์ที่ลาออกส่วนใหญ่ ออกไปทำงานอื่นๆ ที่เปิดมาใหม่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่เปิดรับแพทย์เพิ่มขึ้น รวมถึงโรงพยาบาล (รพ.) ใหม่ๆ ที่เปิดเพิ่มขึ้น ทำให้แพทย์ย้ายพื้นที่ทำงาน แต่ไม่ได้แปลว่าย้ายไปไหน ก็ยังอยู่ในประเทศไทย แต่ก็ทำให้แพทย์ที่ทำงานในสังกัด สธ. น้อยลง เกิดเป็นปัญหาขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สธ.ได้หารือกันวันนี้ มีข้อสรุปว่าจะต้องมีการประกาศพื้นที่พิเศษในจังหวัดที่ขาดแคลนแพทย์ หรือมีแพทย์ลาออกเยอะ ให้เป็นพื้นที่เหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ซึ่งจะมีการดูแลด้านสวัสดิการมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ขณะนี้มีการวิเคราะห์ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ แม่ฮ่องสอน และ ตาก ซึ่งจะมีคณะกรรมการกำหนดแนวทางหลักเกณฑ์การจัดสรรโควตาและการลาศึกษา ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน ที่มี นพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พิจารณาประกาศพื้นที่พิเศษ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โดยหลักเมื่อประกาศเป็นพื้นที่พิเศษแล้วจะมีอยู่ 7 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้วยการลดระยะเวลาใช้ทุนในการศึกษาต่อ อย่างนักศึกษาแพทย์ทั่วไปจะใช้ทุน 3 ปีถึงจะไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางได้ แต่ถ้ามาทำงานในพื้นที่พิเศษก็จะลดเหลือ 2 ปี เรื่องที่ 2 เพิ่มแพทย์เพิ่มพูนทักษะทั้งแบบฝึกเองและร่วมฝึก เพื่อให้มีอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรให้เหมาะสม ซึ่ง สธ. มีการคำนวณตลอดเวลา
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องที่ 3 ขอรับการสนับสนุนแพทย์เฉพาะทางจากจังหวัดใกล้เคียง มาช่วยในจังหวัดที่ขาดแคลน เรื่องที่ 4 เสริมระบบบริการด้วยระบบดิจิทัลสุขภาพและการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) รวมถึงการให้แพทย์เกษียณอายุราชการกลับเข้ามาทำงานได้ โดยจะมอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนเรื่องนี้ให้มีมากขึ้น เรื่องที่ 5 กำหนดตำแหน่งข้าราชการ รองรับแพทย์ที่มาจากระบบเอกชน รวมถึงแพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชน และมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 6 พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนนอกเวลาราชการ อาจจะเป็น 1 เท่าครึ่งหรือ 2 เท่า หรืออาจมากขึ้นไปอีกตามความเหมาะสมที่สามารถดำเนินการได้และส่งเสริมสวัสดิการ เช่น บ้านพัก การเดินทาง รถรับส่งอย่างเหมาะสม และ เรื่องที่ 7 กรณีที่ไม่มีแพทย์ใช้ทุน หรือ หมออินเทิร์นที่มาจากโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท หรือ CPIRD ในพื้นที่พิเศษ ก็จะเปิดรับแพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชน หรือจากต่างประเทศ อย่างเช่นใน จ.บึงกาฬ ไม่สามารถฝึกหัดแพทย์อินเทิร์นได้มาก เพราะไม่มีแพทย์เฉพาะทางรองรับตามเกณฑ์ของแพทยสภากำหนด 5 สาขา ได้แก่ สูตินารีเวช ศัลยกรรม อายุรกรรม กุมารแพทย์ และ แพทย์ฉุกเฉิน
“เช่นหากมีแพทย์เฉพาะทาง 30 คน ก็จะมีหมออินเทิร์นได้ 30 คน ซึ่งแพทยสภาได้แนะนำว่า ให้เอาแพทย์ในจังหวัดอื่น เวียนกันไปเป็นพี่เลี้ยงในแต่ละจังหวัดพิเศษ อย่าง จ.บึงกาฬ ก็เวียนเอาแพทย์เฉพาะทางจากอุดรธานี หนองคาย นครพนม เวียนกันไปให้ครบตามกำหนด เพื่อให้แพทย์อินเทิร์นเข้าไปทำงานได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ เพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ จะใช้เงินส่วนใดบ้าง เช่น เงินบำรุงของ รพ. หรือขอเพิ่มจากรัฐบาล นพ.ภูวเดช กล่าวว่า โดยปกติแล้วจังหวัดที่เป็นพื้นที่พิเศษ สธ. จะจัดสรรงบประมาณไปให้มากกว่าจังหวัดอื่นอยู่แล้ว ส่วนการใช้เงินบำรุงของ รพ. นั้นก็จะเป็นการบริหารร่วมกันในจังหวัดและเขตสุขภาพ ซึ่งส่วน สธ.จะหาแหล่งเงินสนับสนุนกรณีที่ไม่เพียงพอ
เมื่อถามถึงแนวทางในการลดภาระงานของแพทย์ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนตั้งใจไว้ว่าจะลดภาระงานของแพทย์ให้ได้ร้อยละ 30 ภายใน 2 ปี ด้วยการเดินหน้านโยบายให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ลดการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มีการเข้ารักษาใน รพ. มากกว่า 100 ล้านครั้งต่อปี และใช้ระบบเทเลเมดดิซีนลดความแออัดใน รพ.
“เรามาทำเรื่องเวชศาสตร์ป้องกันตรงนี้ เพราะมีการใช้เงินในการรักษาไปถึง 52% เรามีอสม. ที่มีค่าป่วยการปีละ 25,000 ล้านบาท เราก็ต้องให้งานอสม.ทำเต็มที่” นายสมศักดิ์ กล่าว
ถามถึงการตั้งคำถามว่าการเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.ข้าราชการสาธารณสุข ผลักดันได้ช้ากว่าร่างพ.ร.บ.อสม.ฯ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อำนาจของตนสุดแรงแล้ว ทำเรื่องออกจาก สธ. ไปแล้วเช่นเดียวกับร่างพ.ร.บ.อสม. ที่ทำออกไปพร้อมๆ กันแต่ก็ผ่านความเห็นของคณะรัฐมนตรี ส่วนร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสาธารณสุข ก็จะเข้า ครม. ตนอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน
ถามต่อว่าการแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ หรือแพทย์ลาออก ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังในทุกๆ รัฐมนตรีที่ผ่านๆ มา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าแก้เกือบหมดแล้ว อะไรที่ยังค้าง ตนยินดีตอบคำถาม
ถามว่าร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสาธารณสุข คืบหน้าถึงไหน มีการตั้งคำถามจากหน่วยงานอื่นๆ อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเพราะยังเรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จากนั้นก็จะเข้าสู่ ครม. ต่อไป ดังนั้น ตอนนี้ยังไม่มีใครถามกลับมา แสดงว่าเนื้อในคงดีแล้ว ส่วนจะแล้วเสร็จตอนไหน ตนตอบไม่ได้เพราะหมดอำนาจของตนแล้ว
เมื่อให้พูดถึงแพทย์ที่คิดจะลาออกจากระบบราชการ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าตรงไหนขาดเราจะประกาศพื้นที่พิเศษเพิ่ม ลาออก เราก็ประกาศเพิ่ม ขอรับแพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชนและต่างประเทศ เข้ามาเสริมดำเนินการ