บุกช่วย 3 เหยื่อชาวอินเดีย ถูกเพื่อนร่วมชาติอุ้มรีดค่าไถ่ 2.5 ล้านรูปี จับขังย่านสำโรงเหนือ
ข่าวสด April 18, 2025 08:20 PM

สืบนครบาลบุกช่วย 3 เหยื่อชาวอินเดีย ถูกเพื่อนร่วมชาติอุ้มรีดค่าไถ่ 2.5 ล้านรูปี จับขังย่านสำโรงเหนือ รวบผู้ต้องหา 7 ราย หลังออกอุบายเป็นนายหน้าจัดหางาน

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 เม.ย.2568 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา นำกำลังชุดสืบสวนนครบาล เข้าช่วยเหลือชายชาวอินเดีย จำนวน 3 ราย

สภาพถูกมัดมือมัดเท้า หลังถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ 2.5 ล้านรูปี คิดเป็นเงินไทย ประมาณกว่า 9 แสนบาท และเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 7 ราย เป็นชาวอินเดีย 6 และปากีสถาน 1 ราย ได้ที่เซฟเฮ้าท์หลังหนึ่งในซอยสันติคราม 8 สุขุมวิท 109 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จ.สมุทรปราการ และที่ห้องพัก ในคอนโดมิเนียม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ร.ต.ท.อัครวิชญ์ นวลตา รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา รับแจ้งจาก นายซันจีฟ คูมาร์ (Mr.Sanjeev Kumar) อายุ 27 ปี สัญชาติอินเดีย ว่าเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ตนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกับเพื่อน 2 คน คือ นายราเมศ ชาร์มา (Mr. RAMESH SHARMAR) อายุ 47 ปี และนายอมันดีป กาจา (Mr.AMANDEEP KAJAL) อายุ 26 ปี โดยเข้าพักที่โรงแรมย่านสาทร ซอยสาทร10 แขวงสีลม เขตบางรัก กทม.

ต่อมาวันที่ 11 เม.ย. ได้เปลี่ยนที่พักมาอยู่ที่โรงแรม ย่านถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. กระทั่งวันที่ 14 เม.ย.ช่วงเวลาประมาณ 18.00–19.00 น. นายราเมศ และนายอมันดีป ได้ออกจากโรงแรมโดยมีชายชาวอินเดีย 1 คน เรียกรถแท็กซี่ให้ไปรับ แต่ไม่ได้พาไปขึ้นเครื่องบิน เพื่อเดินทางไปยังประเทศเวียดนาม แต่กลับพาไปที่เซฟเฮาส์ ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งในซอยสันติคราม 8 จ.สมุทรปราการ

กระทั่งในวันที่ 16 เม.ย.นางฮาร์มัน กัวร์ (HARMAN KOUR) น้องสาวของนายราเมศ ได้ติดต่อผ่านแอปพลิเคชันวอทแอป แจ้งต่อนายซันจีฟ ว่าได้รับการติดต่อจากบุคคลชื่อ ซันดู (Mr.SANDHU DEEP) อ้างว่าควบคุมตัวนายราเมศ และนายอมันดีป ไว้ และเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวน 2,500,000 รูปี พร้อมทั้งข่มขู่จะทำอันตรายหากไม่ดำเนินการตาม

โดยนายซันจีป ให้การว่า หมายเลขโทรศัพท์ของนายซันดู ผู้ก่อเหตุ ที่ใช้ในการติดต่อ คือ +66943312340 และ +447429213103 จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา

ต่อมา พล.ต.ต.โชติวัฒน์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังฝ่ายสืบสวนนครบาล 6, สืบสวนนครบาล และ ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกันติดตามเบาะแส จนสามารถจับกุมนายซันดู ดีป (Mr.Sandu Deep) สัญชาติอินเดีย ตัวการ โทรไปขู่เรียกเงินญาติ ผู้เสียหาย ได้ที่ ห้องพัก ในคอนโดมิเนียม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จากการตรวจสอบ พบหลักฐานจากโทรศัพท์ ติดต่อใช้วอทแอป โทรฯ ติดต่อไปหาญาติ และผู้เสียหาย​จริง และสอบสวนจนทราบว่านำผู้เสียหาย​ ไปกักขังย่านสมุทรปราการ​ จึงสามารถช่วยเหลือผู้เสียหาย ออกมาได้ 3 รายขณะถูกมัดมือ เท้า โดย 2 รายคือนายราเมศ และนายอมันดีป ส่วนอีกราย ถูกหลอกมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ด้าน นายวิรัตน์ หลักชัย อายุ 53 ปี คนขับแท็กซี่ที่เคยรับผู้ก่อเหตุ และผู้เสียหาย ไปส่งที่บ้านเซฟเฮาส์ที่กักขังผู้เสียหาย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ มีชายชาวอินเดีย 1 คน โบกรถให้ตนเองจอดรับ โดยบอกว่าให้รอสักครู่ เพราะจะมีเพื่อนลงมาแล้วเดินทางไปด้วยกัน จากนั้นก็มีชายชาวอินเดียอีก 2 คนพร้อมกระเป๋าเดินทางเดินลงมาจากโรงแรม

จากนั้นทั้ง 3 คน ก็ขึ้นรถของตนเอง โดยบอกให้ไปส่งภายในซอยสุขุมวิท 109 ระหว่างทางชายชาวอินเดียทั้ง 3 ก็ได้มีการพูดคุยกันตลอดทาง ซึ่งตนเองก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย แต่ไม่ได้มีการขู่บังคับ หรือใช้น้ำเสียงพูดจาที่รุนแรงต่อกันแต่อย่างใด เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง ชายชาวอินเดีย ทั้ง 3 คนก็เดินเข้าบ้านไป โดยไม่มีการบังคับ หรือมีพิรุธแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.ต.ต.วสันต์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า พฤติการณ์ของชายอินเดีย เป็นการหลอกและเรียกค่าไถ่คนอินเดียด้วยกัน แกล้งออกอุบายทำเป็นนายหน้าเพื่อจัดหางานให้คนอินเดีย ไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย แต่จะต้องมีการมาพักทำเรื่องเอกสารในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนจะต่อเครื่องไปต่อ

ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุเลยใช้ช่วงจังหวะที่ชาวอินเดียมาถึงกรุงเทพฯ ออกอุบายหลอกและจับขังไว้ภายในบ้านเช่า ก่อนที่จะมีการประสานติดต่อกับทางญาติของผู้เสียหาย เพื่อให้มีการโอนเงินจากประเทศอินเดียคนละประมาณ 1 ล้านบาท แลกกับอิสระ พร้อมทั้งมีการข่มขู่เหยื่อว่าหากไม่ทำตามหรือไม่ติดต่อญาติ จะมีการทำร้ายและเฉือนอวัยวะในร่างกายทิ้ง

หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะประสานกับเจ้าหน้าที่ ตม. เพื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลัง รวมไปถึงมีการประสานสถานทูตอินเดีย เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดเชิงลึก แม้ว่ากลุ่มคนอินเดียเหล่านี้จะเข้ามาอย่างถูกกฎหมายก็ตาม ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วตอนนี้เบื้องประมาณ 30,000 กว่าบาท เนื่องจากอยู่ในช่วงของการเจรจาและเรียกค่าไถ่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปช่วยไว้ทัน

พล.ต.ต.วสันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นขอตรวจสอบก่อนว่า มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ทางผู้ก่อเหตุไม่ให้ความร่วมมือ หากมีการขยายผลและตรวจสอบพบบุคคลอื่นเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องมีการดำเนินการตามกฏหมาย ยืนยันกลุ่มผู้ต้องหากับผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อน และด้วยความสนิทใจเนื่องจากเป็นการจัดหางานให้ไปทำ เลยไว้ใจ และทราบข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน

ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้เสียหายเล่าว่าผู้ก่อเหตุได้มีการขู่ตัดอวัยวะ และทุบตีด้วยไม้พันเทปตามร่างกาย เพื่อติดต่อญาติให้โอนเงินค่าไถ่ให้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันพยายามเรียกค่าไถ่ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.