ส.ส.ภูเก็ต-ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหา รุกทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ ต.วิชิต ล่าสุดหายไป 800 ไร่ จากทั้งหมด 2.2 พันไร่
เมื่อวันที่ 18 เมษายน นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต เขต2 พรรคประชาชน พร้อมด้วย คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต และผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบถ่ายภาพ และบินโดรนเก็บรายละเอียดในบริเวณพื้นที่ที่มีการร้องเรียน ว่าเกิดปัญหาการรุกพื้นที่ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ บ้านอ่าวมะขามและเขาขาดตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต จากเดิมมีพื้นที่ตามเอกสารทางราชการ หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหรือนสล.ประมาณ 2,200 ไร่ ปัจจุบัน มีการบุกรุกครอบครอง ไปประมาณ 800 ไร่ จนเหลือประมาณ 1,400ไร่เท่านั้น
นอกจากนี้มีข้อมูลระบุว่าบางราย บุกรุกครอบครอง ไปมากถึง 300 ไร่ ประกอบกับเนื่องจากพื้นที่ตำบลวิชิตส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ราบทำให้เหมาะแก่การอยู่อาศัย เอกสารกรรมสิทธิ์จะเป็น น.ส.3, โฉนดครุฑแดง และที่ดิน ภทบ.5 รวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณแนวเขาและบนเขา ยังเป็นพื้นที่ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ ขณะนี้พบว่า มีการบุกรุกอย่างชัดเจน และในช่วงก่อนที่ นายเฉลิมพงศ์ แสงดี จะตามไปสมทบคณะที่ตรวจสอบมีผู้ช่วยส.ส. และคณะเดินทางไปในพื้นที่ก่อนปรากฏว่ามีผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เข้ามาออกปากขับไล่ให้ออกจากพื้นที่โดยระบุว่างานโครงการและที่ดิน ตำบลวิชิต ไม่เกี่ยวกับ ส.ส. ต่อย่างใด
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตเขต 2 พรรคประชาชน กล่าวว่าตนเองได้ไล่รื้อดูข้อมูล ทราบว่า ช่วงเดือนธันวาคม 2567 จังหวัดภูเก็ตเคยมีการประชุมติดตามซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิที่ดินจังหวัด (คพร.จังหวัดภูเก็ต), เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต, รองอัยการจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม หนึ่งในวาระการประชุมที่สำคัญ มีการติดตามความคืบหน้ากรณีให้อำเภอเมืองภูเก็ตแจ้งสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต จัดทำแผนทีส่งคัดค้านทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ บ้านอ่าวมะขามและเขาขาดและหากย้อนไปมากกว่านั้น ช่วงเดือนมิถุนายน 2563 อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตคนหนึ่ง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) ครั้งที่ 2/2563 กำชับคณะทำงานเร่งตรวจสอบรังวัดแนวเขตที่ดินของรัฐ ในพื้นที่หมู่ 6, 7, 8 ตำบลวิชิตเช่นเดียวกัน
” ผมกำลังรอข้อมูลการรังวัดที่ดินของราชการให้ชัดเจนที่จำเป็นต้องมีการรังวัดใหม่เนื่องจากมีการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง การตรวจสอบและลงพื้นที่ในวันนี้เพิ่มเติมอย่างน้อยที่สุดไม่ให้มีการกระทำความผิดในการก่อสร้างธุรกิจโรงแรม ที่ผิดกฎหมายเพิ่มเติม ประการแรกคือการรอตรวจสอบเกี่ยวกับที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ว่าเป็นพื้นที่อยู่ในเขตพื้นที่ นสล.หรือไม่อย่างไร รวมทั้งการขออนุญาตก่อสร้างโรงแรมจากเทศบาลตำบลวิชิตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการเปิดหน้าดินหรือขุดตักหน้าดินเพื่อการค้าที่ เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต จะต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลร่วมด้วย ขออนุญาตทำได้อย่างไรเหมือนกัน ในเรื่องนี้ผมจะนำเข้าหารือในคณะกรรมาธิการที่ดินสภาผู้แทนราษฎรอย่างเร่งด่วนต่อไป”
นายเฉลิมพงศ์ กล่าวว่า การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าผู้อ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินในการก่อสร้างในพื้นที่ตำบลวิชิตอย่างน้อยสองโครงการ มีกรณีการกล่าวอ้างว่าซื้อและสะสมที่ดินหลายๆแปลงติดต่อกันมานาน ตั้งแต่ประมาณ40ปีที่แล้วจนสามารถรวบรวมเป็นแปลงใหญ่ และยื่นขอออกโฉนดทีเดียว มากถึงประมาณ 300 ไร่ หลังจากนี้จะมีการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้างโครงการในทุกด้านว่ามีความไม่ชอบมาพากลว่า ใครเป็นผู้กระทำความผิดหรือมีส่วนในการสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับที่ดินและอื่นๆ และจะต้องมีการเสนอให้คณะกรรมการปปช.เข้ามารับผิดชอบตรวจสอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ดีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตเขต 2 พรรคประชาชน กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตมีบริบทเป็นเมืองท่องเที่ยว มีธรรมชาติมีชายหาดที่สวยงามรวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ ของใต้ท้องทะเลทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา และขณะเดียวกันก็กลายเป็นพื้นที่หมายปองของกลุ่มทุนเพื่อเข้าทำประโยชน์ดังนั้นจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจังหวัดภูเก็ตมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ได้แปรเปลี่ยนจากป่าไม้ กลายเป็นตึกอาคารหรือกลายเป็นเขาหัวโล้น เตรียมเข้าทำประโยชน์ด้านอสังหาริมทรัพย์และจากการขยายตัวของเมืองจุดท่องเที่ยว แน่นอนว่าหลายคนจะจินตนาการถึง ตำบลป่าตอง หรือ ตำบลกะรน แต่โครงสร้างของประชากร ถนนหนทาง สภาพพื้นที่ทางกายภาพ ภูเขา ชายหาด ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ พื้นที่ของตำบลวิชิตในเขตอำเภอเมืองภูเก็ตที่ตรวจสอบในวันนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีความน่าสนใจ ที่มีคนพยายามทำโครงการก่อสร้างโรงแรม
ทั้งนี้แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะมีเทคโนโลยีในการบันทึก ยิงพิกัดเชื่อมกับดาวเทียม แต่จากคำบอกเล่าของคนในพื้นที่ และขาดเอกสารหลักฐานที่มีน่าเชื่อถือ ทำให้เจ้าหน้าที่เคยลงตรวจหลายครั้งจากการร้องเรียนของประชาชน เรื่องการบุกรุกที่ดิน การออกเอกสารโดยมิชอบ การเข้าทำประโยชน์ของกลุ่มทุนไทยหรือต่างชาติที่ใช้ช่องทางผ่านระบบนอมินีการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดภูเก็ต ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง วิธีการง่ายๆคือการตัดต้นไม้ แผ้วถาง ทำให้กลายเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม หรือการปลูกพืชผลทางการเกษตรเพื่อแอบอ้างว่าเป็นการทำกิน ซึ่งแอบอ้างว่ามีการเข้าทำใช้ประโยชน์จากบรรพบุรุษ ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และ กรณีการบุกรุกครอบครองพื้นที่สาธารณะทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ในตำบลวิชิตอำเภอเมืองภูเก็ตจะเกาะติด และติดตามข้อมูล จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อเนื่อง อย่างน้อยที่สุดเพื่อร่วมกันรักษาผลประโยชน์ที่เป็นสาธารณะของ จังหวัดภูเก็ตโดยส่วนรวม