“ต๋อง” นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ตำนานนักเตะทีมชาติไทย เจ้าของฉายา “สิงห์สนามศุภ” ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 19 เม.ย. 68 ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ศาลายา จังหวัดนครปฐม ด้วยวัย 77 ปี 8 เดือน (เกิด 19 สิงหาคม 2490) หลังเข้ารับการรักษาจากอาการปอดติดเชื้อ

นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เป็นดาวยิงระดับตำนานทีมชาติไทย ยิงประตูให้ทีมชาติไทย 55 ประตู จนได้รับฉายาว่า สิงห์สนามศุภ

สำหรับ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เกิดที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2490 เล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา จากตำแหน่งผู้รักษาประตู ก่อนเปลี่ยนมาเล่นเป็นศูนย์หน้า เล่นระดับสโมสรกับสโมสรราชวิถี รุ่นเดียวกับ อำนาจ เฉลิมชวลิต, พิทักษ์ ศิลป์ประสิทธิ์, สิทธิพร ผ่องศรี, ปรีชา กิจบุญ ฯลฯ โดยมี สำเริง ไชยยงค์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน

จากนั้น ย้ายเข้าสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีครูสอนฟุตบอลคือ นายเดือน ดารา หรือ เหงียน วัน ดึ๊ก อดีตดารานักเตะทีมชาติเวียดนามใต้ ก่อนโอนสัญชาติเป็นไทย (บิดาของ ดาวยศ ดารา อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย) และอาจารย์สำเริง ไชยยงค์ ปรมาจารย์ลูกหนัง

นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เล่นให้ทีมชาติไทยระหว่างปี พ.ศ. 2509-พ.ศ. 2522 ติดธงครั้งแรกในลูกหนังเยาวชนแห่งเอเชีย ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อ พ.ศ. 2509 ได้อันดับ 3

เขาเป็นหนึ่งในขุนพลนักเตะทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์ ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 รอบสุดท้ายที่ประเทศเม็กซิโก ที่เป็นนักเตะทีมชาติไทยชุดที่ 2 ที่เล่นโอลิมปิก ต่อจากปี 1956

สำหรับนักเตะชุดโอลิมปิก 1968 ที่ร่วมรุ่นกับ นิวัฒน์ อาทิ สราวุธ ประทีปากรชัย, เชาว์ อ่อนเอี่ยม, ณรงค์ ทองเปลว, ชัชชัย พหลแพทย์, อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค, เกรียงศักดิ์ วิมลเศรษฐ์, บุญเลิศ นิลภิรมย์

เป็นกัปตันทีมชาติไทยครองแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 12

ขณะที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่าง​สุดซึ้ง​ ต่อการจากไปของ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เจ้าของฉายา สิงห์สนามศุภ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดสร้างประวัติศาสตร์ ผ่านเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 1968 ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นครั้งแรกของทีมชาติไทย และเคยทำประตูให้ทีมชาติไทยถึง 55 ประตู ระหว่างปี 1967-1979

สำหรับ กำหนดการบำเพ็ญกุศลและพิธีฌาปนกิจ วันที่ 19-21 เมษายน 2568 เวลา 19.00 น. สวดพระอภิธรรม และวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 เวลา 17.00 น. พิธีฌาปนกิจ ที่ศาลา 2 วัดกลางวรวิหาร ปากน้ำ เมืองสมุทรปราการ.

(ภาพจากเฟซบุ๊ก Olarn Siamsport)