มัสก์เบามือคุม ‘DOGE’ หลังทำเทสล่ากำไรวูบ

สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซีรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐกล่าว เมื่อวันที่ 22 เมษายน ว่าเขาจะใช้เวลากับรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์น้อยลงนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป และหันไปให้เวลากับการบริหารบริษัทของเขามากขึ้น หลังเทสล่ามีผลกำไรและรายได้ลดลงอย่างมากในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้

เทสล่ารายงานว่า รายได้ของบริษัทจากภาคยานยนต์ลดลง 20% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ผลกำไรของเทสล่าลดลงมากกว่า 70% รายได้ทั้งหมดของเทสล่าในไตรมาสแรกของ 2025 อยู่ที่ 19,300,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9% จากปีที่แล้วแม้ว่าเทสล่าจะมีการลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย

ทางเทสล่าบอกอีกว่าจะต้องมีการประเมินการคาดการณ์การเติบโตใหม่ใน 3 เดือนข้างหน้าเพราะถือเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในภาคยานยนต์และห่วงโซ่อุปทานด้านพลังงาน นอกจากนั้น ความเชื่อมั่นทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของเทสล่าในระยะสั้น

ผลกำไรและรายได้ที่ลดลงของเทสล่ามีขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจต่อบทบาทของมัสก์ในการเป็นผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE ที่ปรับลดจำนวนเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางซึ่งสร้างความไม่พอใจทางการเมืองอย่างมาก ทำให้มีการประท้วงและทำลายโชว์รูมของรถยนต์เทสล่าในหลายแห่ง ขณะที่นักลงทุนได้แสดงความกังวลต่อการที่มัสก์ใช้เวลาไปกับการบริหารเทสล่าน้อยเกินไป

มัสก์กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า “งานใหญ่ของการทำให้ทีมงาน DOGE เข้าที่และทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อทำให้การเงินเข้าที่นั้นเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้ว” โดยหลังจากเดือนพฤษภาคม มัสก์จะใช้เวลาแค่ 1-2 วันต่อสัปดาห์ไปกับการทำงานของรัฐบาลเท่านั้นตราบใดที่ประธานาธิบดียังต้องการและยังเห็นว่ามีประโยชน์

เทสล่ายังได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อการที่รัฐบาลสหรัฐคิดภาษีศุลกากรแก่ประเทศจีนสูงถึง 145% เพราะแม้ว่ารถยนต์เทสล่าที่ขายในสหรัฐจะถูกประกอบในสหรัฐ แต่ก็ยังต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจากจีนอยู่มาก ขณะที่ทางจีนเองก็คิดภาษีศุลกากรตอบโต้กลับสหรัฐเช่นกัน ทำให้เทสล่าต้องระงับการเปิดสั่งซื้อรถยนต์เทสล่า โมเดลเอส และโมเดลเอ็กซ์ในจีน

มัสก์กล่าวว่าเขาสนับสนุนให้มีการลดภาษีศุลกากรลง และความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการใช้เงินก้อนใหญ่ อาทิ การซื้อรถยนต์ โดยหลังมัสก์ลดเวลาให้กับ DOGE มัสก์จะแบ่งเวลาไปกับการบริหารเทสล่าและบริษัทอื่นๆ ของเขา อาทิ SpaceX, xAI และ Neuralink ข่าวดังกล่าวทำให้หุ้นของเทสล่าปรับตัวสูงขึ้น 5.5%