พณ.ปลื้มตัวเลขส่งออก มี.ค. โต17.8% ทำใจเดือน เมย. เจอผลกระทบภาษีทรัมป์
เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ที่กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ส่งออกของไทยเดือนมีนาคม 2568 มีมูลค่า 29,548.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (988,362 ล้านบาท) ถือเป็นเดือนที่มีมูลค่าส่งออกมากสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวถึง 17.8% โดยเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับจากเมษายน 2565 ส่งผลให้ 3 เดือนแรก 2568 ไทยส่งออกรวม 81,532.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.2% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 13.8% สำหรับการนำเข้าเดือนมีนาคม 28,575 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10.2% ไทยเกินดุล 973 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 3 เดือนแรกไทยนำเข้า 80,451 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 7.4% และเกินดุล 1,081 ล้านเหรียญสหรัฐ
“การเติบโตไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตลาดสหรัฐเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมตลาดอื่นๆ ด้วย แม้ในเดือนถัดไปเดือนเมษายนนี้ อาจมีผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐ แต่เชื่อมั่นว่าจะไม่ติดลบ และในช่วงไตรมาส 2 อาจคาดว่ายังขยายตัวเป็นบวกได้ แต่คงไม่บวกมากเท่ากับไตรมาสแรก ส่วนการส่งออกครึ่งปีหลังต้องรอดูผลการเจรจากับสหรัฐ เชื่อว่าไทยจะหาทางออกในการเจรจาได้ดีทั้งกับสหรัฐและจีน คาดว่าการส่งออกทั้งปี 2568 จะโตได้ดีกว่าเป้าหมายตั้งไว้ 2-3% หรือเกิน 3% เราต้องคิดบวกไว้ก่อน เหมือนปี 2567 เราตั้งเป้าไว้ 1-2% แต่ขยายตัวได้จริง 5.2% อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังเป็นพระเอกที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามเป้าหมายรัฐบาล ระดับ 3%” นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐนั้น มีสัญญาณที่ดีมาก มีสัญญาณ 5G เลย จากการพูดคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐที่มีการลงทุนในไทยซึ่งทุกคนต้องการให้การเจรจากับไทยจบลงโดยเร็ว เพราะมีผลประโยชน์อยู่ในไทยจำนวนมาก ยังได้มีการพูดคุยกับยูเอสทีอาร์อย่างต่อเนื่อง ส่งอีเมล์คุยกันทุกวัน ต้องรอวันนัดหารือที่ชัดเจน ซึ่งระหว่างนี้ฝ่ายไทยก็ต้องทำตัวให้พร้อมก่อนที่จะไปเจรจา โดยเฉพาะจะต้องจัดทำแผนในการแก้ไขปัญหาการสวมสิทธิสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐ คาดว่าจะชัดเจนในเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การส่งออกเดือนมีนาคม ขยายตัวสูง มาจากหมวดอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 23.5% ขณะที่สินค้าเกษตรหดตัว 0.5% และสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรหดตัว 5.7% ด้านตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัว เนื่องจากการเร่งนำเข้าของประเทศต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการประกาศภาษีของสหรัฐ ที่จะมีผลเดือนเมษายน โดยการส่งออกไปสหรัฐขยายตัวเร่งขึ้นจากความต้องการนำเข้า เพื่อลดต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้า ขณะที่ประเทศอื่นโดยเฉพาะจีน เร่งนำเข้าสินค้าวัตถุดิบหรือสินค้าขั้นกลางที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐ ส่งผลให้ตลาดสหรัฐโต 34.3% จีนโต 22.2% โดยไทยยังเกินดุลสหรัฐกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ขาดดุลการค้ากับจีนเกินหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
“ไตรมาส 2 น่าจะยังบวก เพียงบางเดือนอาจโตได้ 2 หลัก เพราะจากสถานการณ์ที่ทรัมป์เลื่อนปรับขึ้นภาษี 90 วัน อาจทำให้ผู้ซื้อเร่งนำเข้าในเดือนเมษายน-มิถุนายน ยอมรับว่าไม่อาจประเมินได้ชัดว่าตัวเลขส่งออกช่วง 3-6 เดือนนี้จะเป็นอย่างไร หากไทยส่งออกต่อเดือนเกิน 2.55 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งปีนี้จะโตได้ 2-3%” นายพูนพงษ์กล่าว