วันที่ 1 พ.ค.68 นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij" ระบุว่า...
เมื่อวานนั่งคุยกับผู้ส่งออกอาหารไปอเมริการายหนึ่ง เขาเล่าว่าปัจจุบันลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อขนาดใหญ่เจรจาขอให้เขาแบกรับภาระภาษีนำเข้า 10% (ซึ่งเขาพอทำได้) ในขณะที่ผู้ซื้อรายเล็กยังคงซื้อในราคาเดิม
แต่หากอัตราภาษีกลับไปเป็น 36% ตามที่ทรัมป์ประกาศไว้ แน่นอนจะเป็นภาระที่เขาในฐานะผู้ส่งออกแบกรับไม่ได้ ต้องแบ่งภาระกับผู้ซื้อ ซึ่งก็คงต้องผลักภาระต่อไปให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันไม่มากก็น้อย
และหากประเทศคู่แข่งเราเจรจาลดภาษีได้ แต่เราเจรจาไม่สำเร็จ - นั่นคือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ในแง่ของทรัมป์ ที่อ้างตลอดว่าคนอเมริกันจะไม่เป็นผู้ต้องเสียภาษี ตอนนี้มีส่วนเป็นเช่นนั้นจริง แต่ถ้าอัตราภาษีสูงเกินไป ผู้บริโภคอเมริกันจะหลีกเลี่ยงภาระภาษีนี้ยาก หรือไม่ก็จะไม่สามารถซื้อสินค้าบางประเภทได้เลย ในสถานการณ์นี้ ทางใดทางหนึ่ง ชาวอเมริกันจะซื้อสินค้าจากต่างประเทศน้อยลง ซึ่งหากสมมุติว่าประเทศอย่างเรายังซื้อของจากอเมริกาเท่าเดิม ดุลการค้าอเมริกันจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะแย่ลง
ในแง่ของไทย ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองยังเอาตัวรอดได้ แต่รายเล็กหน่อยเหนื่อยมาก ผู้ส่งออก(รายปานกลาง) ที่ผมคุยด้วย เขาบอกว่าสำคัญมากที่จะต้องเจรจาให้อัตราภาษีอยู่ในระดับที่เรายังค้าขายกับอเมริกาได้ แต่ก็ชัดเจนว่ากำไรเราจะลดลงไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงต้องเจาะตลาดอื่น และพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษามาจิ้น
เลวร้ายที่สุดคือหากอัตราภาษีประเทศเพื่อนบ้านเจรจาได้ตํ่ากว่าเรามาก อาจต้องพิจารณาย้ายการผลิตไปจากไทย