เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “การบินไทย” หรือ THAI กำลังเดินหน้าสู่ความสำเร็จในการยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ พร้อมกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อีกครั้งในช่วงกลางปี 2568 นี้ หลังประสบวิกฤตทางการเงิน มีหนี้สินสะสม 2.44 แสนล้านบาท กระทั่งต้องยื่นคำร้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ปี 2563เป็นเวลานานถึงกว่า 4 ปี
นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ “การบินไทย” ก้าวสู่ปีที่ 65
“ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า วันนี้การบินไทยพร้อมเดินหน้าสู่อนาคตด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและชัดเจน พร้อมปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้สอดรับกับความต้องการของนักเดินทางในยุคปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาในหลากหลายด้าน
โดยมีความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สมบูรณ์แบบในทุกมิติ ทั้งในด้านประสบการณ์บนเที่ยวบินที่ผสานเสน่ห์ความเป็นไทยเข้ากับเทคโนโลยีการบินล้ำสมัย และตอบโจทย์ผู้โดยสารยุคใหม่
เริ่มจากการฟื้นนิตยสาร “Sawasdee” สื่อสำคัญที่อยู่คู่กับสายการบินไทย มายาวนานกลับมาพร้อมโฉมใหม่ทั้งฉบับพิมพ์ (Printed Version), e-Magazine และเว็บไซต์ Sawasdee Online เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางในโลกดิจิทัล
นอกจากนี้ ได้เพิ่มแบรนด์สำหรับชุดสิ่งอำนวยความสะดวกบนเครื่องบิน หรือ Amenities Kit รุ่นพิเศษ โดยสร้างสรรค์ร่วมกับแบรนด์ SIRIVANNAVARI แบรนด์แฟชั่นระดับลักเซอรี่จากวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ เป็นกระเป๋า Amenities Kit
และเป็น Amenities Kit ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งศิลปะและวัฒนธรรมไทย จำนวน 2 ลาย ได้แก่ ลายผ้าบาติกโทนขาว-น้ำเงิน ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ผืนผ้าอันงดงามของภาคใต้ ผสมผสานกับลายดอกรักราชกัญญา ซึ่งเป็นลายผ้าที่พระองค์พระราชทานให้กลุ่มบาติกไทย ประดับด้วยสัญลักษณ์ช้าง นกยูง รวมถึงดอกไอริสและกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และการบินไทย
ลายที่ 2 คือ สวนสีสวยเบ่งบานไปด้วยดอกไอริสและดอกกล้วยไม้ บนผืนผ้าลายกราฟิกรูปเกือกม้า สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ที่วางสลับกันเป็นลาย S Monogram ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ในโทนสีชมพูและสีม่วงสดใส
ทั้ง 2 ลวดลายนี้จะให้บริการสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่เดินทางสู่จุดหมายปลายทาง 4 เมืองแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ได้แก่ มิลาน ปารีส โตเกียว และเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ไม่เพียงเท่านี้ ยังเดินหน้าผลักดันเสน่ห์ความเป็นไทยออกสู่สากลผ่านแคมเปญความอร่อย ภายใต้แคมเปญ “Good Taste for a Good Cause” ที่คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพจากผู้ประกอบการไทย พร้อมตอบรับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล
อาทิ ลูกจุ๊บทีจี, ไรซ์แครกเกอร์การบินไทย, ช็อกโกแลตกานเวลา, กาแฟดอยตุง และขนมหวานจากร้าน After You Dessert Cafe โครงการ Taste of Thai Tales อาหารไทยเมนูพิเศษรังสรรค์โดยเชฟไทยที่มีชื่อเสียง
รวมถึงแคมเปญ “Streets to Sky” ที่คัดสรรอาหารจานเด่นจากร้านดังของไทย อาทิ ผัดไทยมันกุ้งทิพย์สมัย ก๋วยเตี๋ยวคั่วทะเลเจ๊ไฝ ข้าวหน้าไก่รสดีเด็ด
“การบินไทยจะนำเมนูต่าง ๆ เหล่านี้เสิร์ฟบนเที่ยวบิน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้โดยสาร พร้อมทั้งยกระดับการให้บริการด้วยคาร์เวียร์ระดับพรีเมี่ยม และเครื่องดื่มสูตรพิเศษ Oriental Dawn และ Rose of Royal Voyage ที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง รอยัลเฟิสต์ และชั้นธุรกิจ รอยัลซิลค์”
ขณะที่ “ชาย เอี่ยมศิริ” ซีอีโอการบินไทย บอกว่า ล่าสุด “การบินไทย” ยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับการรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A321 Neo ที่จะเข้าประจำการภายในสิ้นปี 2568 นี้ 2 ลำ และจะทยอยเข้ามาครบ 32 ลำภายในปี 2570 ซึ่งจะเป็นฝูงใหม่ที่มาเสริมศักยภาพฝูงบินของการบินไทยให้มีความทันสมัย ประหยัดพลังงาน และตอบโจทย์ผู้โดยสารยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
โดยบนเที่ยวบินที่ให้บริการโดย Airbus A321 Neo ผู้โดยสารจะได้สัมผัสความสะดวกสบายจากระบบความบันเทิงบนเที่ยวบินที่ติดตั้งในทุกที่นั่ง พร้อมบริการ WiFi ฟรี สำหรับสมาชิก Royal Orchid Plus ทุกระดับสถานะ
ที่นั่งชั้นธุรกิจโฉมใหม่ที่สามารถปรับเอนได้ราบเต็มที่ให้ความสบายเทียบเท่าเที่ยวบินระยะไกล ผังที่นั่งสลับ 2-2/1-1 ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ทำงานครบครัน โดยทุกที่นั่งมาพร้อมโต๊ะถาดขนาดใหญ่ ช่องเก็บของส่วนตัว และพื้นที่สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รองรับไลฟ์สไตล์การทำงานบนเครื่องบินได้
ขณะที่ห้องโดยสารถูกออกแบบด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม ลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทย ผสานกับดีไซน์ร่วมสมัย สร้างประสบการณ์ที่หรูหราและอบอุ่น
เรียกว่า A321 Neo ได้ถูกวางให้เป็นหัวใจสำคัญของแผนยกระดับฝูงบิน ด้วยความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย และการออกแบบห้องโดยสารที่ตอบโจทย์ผู้โดยสารพรีเมี่ยมได้อย่างลงตัว
หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยกระดับประสบการณ์การเดินทางในเส้นทางภูมิภาค ผ่านการลงทุนในฝูงบินลำตัวแคบ โดยเน้นทั้งการอัพเกรดเครื่องบิน Airbus A320 ซึ่งรับมอบต่อมาจากไทยสมายล์ จำนวน 20 ลำ ไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ ในส่วนของเครื่องบินลำตัวกว้างบินพิสัยไกล “การบินไทย” ก็มีแผนรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง B787 อีกจำนวน 45 ลำ โดยจะทยอยเข้ามาตั้งแต่กลางปี 2570 เป็นต้นไป พร้อมทั้งทำการปรับปรุงฝูงบินเก่าในช่วงกลางปี 2570 อีก 14 ลำ
การมาของ A321 Neo ถือเป็นก้าวสำคัญในการตอกย้ำภาพลักษณ์ในด้านการยกระดับแบรนด์ “การบินไทย” เพื่อช่วงชิงตลาดเส้นทางภูมิภาคได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับ โบอิ้ง B787 ที่กำลังจะเข้ามาในอีก 2 ปีข้างหน้า ที่เชื่อว่าจะเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในอนาคตแน่นอน