นายกฯ สั่งเข้มดูแล ปชช. หลังเหตุชายแดนใต้ ป่วน ยันรัฐบาลเต็มที่ ทำงานเชิงรุก ขออย่าใช้คำแบ่งแยกเชื้อชาติ-ศาสนา ด้าน ภูมิธรรมรับเสียใจ ไทยพุทธ-มุสลิม เจอเหตุความรุนแรง ยันยินดีเจรจา แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ไม่แบ่งแยกรัฐ พร้อมสั่งเพิ่มกำลังดูแลเต็มที่
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 6 พ.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ที่มีการพุ่งเป้าไปที่ผู้บริสุทธิ์ ฝ่ายความมั่นคงจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร ว่า ได้มีการสั่งการไปแล้ว รัฐบาลไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ ตำรวจ ทหาร และกองทัพได้มีการพูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แล้ว และได้มีการสั่งการให้ดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มข้น นอกจากดูแลเรื่องความปลอดภัยแล้วก็ต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจว่ามีอะไรที่รัฐบาลสามารถสนับสนุนและให้ความร่วมมือได้อีก และสิ่งหนึ่งที่อยากเน้นย้ำและรบกวนสื่อมวลชนช่วยกัน คือเรื่องการแบ่งคำพูดที่ว่าศาสนาอะไร เชื้อชาติอะไร อย่างไรก็ตามคนทุกคนก็คือคน และเป็นคนที่มีครอบครัว เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องมาแบ่งแยกกันตรงนี้ ความรุนแรงไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ทุกชีวิตที่เสียไปก็เป็นชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย เราต้องช่วยกันทำความเข้าใจในเรื่องนี้และไม่มีการแบ่งแยกกันในแบบนั้น
เมื่อถามว่า หน่วยงานความมั่นคงมีการประเมินและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีการวิเคราะห์ในหลายรูปแบบ รวมถึงความขัดแย้งในหลายอย่างด้วย ซึ่งเราก็พยายามดูในเรื่องนี้ ทั้งนี้ในเรื่องของความปลอดภัยได้มีการเพิ่มในเรื่องกำลังการดูแลและก็ต้องเพิ่มในเรื่องความเข้าใจ ว่ามีความเข้าใจผิดอย่างไรบ้าง หรืออยากจะมีความเข้าใจในเรื่องอะไรเพิ่มเติมในการสื่อสารที่เราทำประกอบด้วย เมื่อถามว่าในฐานะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ได้มีส่วนในการช่วยหาแนวทางในการเจรจาพูดคุยอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า นายทักษิณ ได้มีการติดต่อกับประธานอาเซียนอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และในการพูดคุยต่างๆเท่าที่คุยกันก็พร้อมที่จะพูดคุย ซึ่งมีหลายช่องทางที่เข้ามาว่าอยากจะพูดคุย อยากจะได้รับการสนับสนุน แต่ก็ยังไม่ได้มีการเดินหน้าอะไร
เมื่อถามว่า จะมีแนวทางสร้างความมั่นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างไร เพราะเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้กลับมารุนแรงอีกครั้งเหมือน 20 ปีก่อน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาทหารได้เข้าไปตั้งด่านเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องของสรรพกำลังต่างๆเราเตรียมเต็มที่และทำเชิงรุกหาก ใครทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ แต่อย่างที่บอกมันเป็นปัญหาคือเรื่องสรรพกำลังและการทำความเข้าใจก็เป็นอีกเรื่องนึง อันนี้ก็ต้องประกอบกัน
เมื่อถามว่า กรณีนิด้าโพลเปิดเผยความเห็นของประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ตรงนี้จะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้ว่ารัฐบาลทำเต็มที่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลทำมาโดยตลอดทั้งเรื่องความเข้าใจและเรื่องของกำลัง ซึ่งตอนนี้ที่มีเรื่องของความรุนแรงเพิ่มขึ้น สรรพกำลังก็เข้าไปในพื้นที่เต็มที่แล้ว ซึ่งในเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนก็ทำเต็มที่อย่างแน่นอน เราคุยกันทั้งนอกรอบ ซึ่งช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ก็มีการเน้นย้ำกันว่าบางพรรคร่วมรัฐบาลที่มี สส.ในพื้นที่ก็รายงานกันเข้ามา ซึ่งเราเองก็จับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดไม่ได้ปล่อยไปไหนแน่นอน
เมื่อถามว่า ในส่วนคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฝ่ายไทยได้เรียกร้องอยากให้ตัวผู้เจรจาของฝั่งบีอาร์เอ็นเป็นตัวจริงมาพูดคุยกับเรา นายกฯ กล่าวว่า ทางผู้อำนวยความสะดวกรับเรื่องนี้ไปแล้วถึงผู้ที่เรียกเข้ามาคุย เมื่อถามว่ากรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์ประนามเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นและย้ำว่าไม่ได้ใช้กำลังต่อพลเรือน รวมถึงให้รัฐบาลเร่งสืบสวนหาคนผิดที่แท้จริง นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องการหาผู้ที่กระทำความผิดเราทำเต็มที่อยู่แล้วและได้มีการสั่งการไปทางตำรวจเรียบร้อยแล้วว่าผู้กระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ไม่อย่างนั้นผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในพื้นที่ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ถ้าเราไม่สามารถจับคนผิดได้เลยประชาชนธรรมดาที่อยู่ในพื้นที่ก็ลำบาก ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ปล่อยไปไหนและสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นรายวันในพื้นที่จังหวัดชายแดน จะมีมาตรการรับมืออย่างไร ว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของประชาชน ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ประสบเหตุ ตนคิดว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และใช้ความรุนแรงในการเข้าไปแก้ปัญหา ด้วยการเข้าไปยิงพระ เณร เด็ก คนชรา ผู้พิการ เป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่กำลังต่อสู้ประสบความสำเร็จ เราเองก็พร้อมที่จะดำเนินการแก้ปัญหานี้โดยเร็ว ซึ่งได้สั่งการไปแล้วว่าให้ทั้งทหารและตำรวจและฝ่ายปกครองปฏิบัติการเชิงรุก ซึ่งคำว่าปฏิบัติการเชิงรุกมีคนเอาไปตีความหมายในทางที่แย่ เหมือนเราไปเข่นฆ่าเขา แต่ความจริงเรื่องนี้คือการไม่อยู่ในที่ที่ตั้ง อาจต้องตั้งด่านเข้มงวดขึ้น ปฏิบัติการให้เร็ว เข้าไปอยู่ในจุดที่มีความสงสัยว่าเกิดเหตุ และส่งกำลังพลเข้าไปดูแลประชาชน ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยกัน และมีการตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายปฏิบัติการที่มีตนดูแลอยู่ พบกับผู้อำนวยการสะดวกทางมาเลเซีย ซึ่งเราได้พบกันแล้ว ตนได้บอกไปแล้วว่า ประเด็นแรก เราไม่ยอมรับความรุนแรง ดังนั้นถ้าจะใช้ความรุนแรงมันยากที่จะมาเจรจากัน ถ้าเขายอมรับในสิ่งที่เราตกลงกันไว้ ว่าเราจะคุยกันอย่างสันติ คุณต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถยุติและมาเจรจากันได้ ไม่ใช่เราไม่พร้อมเจรจา ตนตั้งใจและยินดีที่จะเจรจาถ้าจะแก้ไขปัญหาได้ การเจรจาก็เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนเจรจาได้ เพราะมีการเจรจามาโดยตลอด การสู้รบการยิงก็ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนเคยทดลองในเดือนรอมฎอนว่าขอให้หยุดให้ได้ทั้งหมด แล้วเรามาเริ่มต้นเจรจากัน แต่ช่วงปลายเดือนรอมฎอนก็เป็นเหมือนเดิม คือ มีการก่อเหตุ
ดังนั้นถ้าควบคุมไม่ได้จะมีการเจรจาเพื่ออะไร ซึ่งวันนี้ตนพร้อม และทีมเจรจาก็พร้อมที่จะตั้งทันที หากทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขว่า ตัวแทนเจรจาสามารถสั่งการให้หยุดได้ โดยประเด็นที่อยากเจรจา มีเงื่อนไข ที่ได้ฝากกับผู้อำนวยความสะดวกไป คือ ต้องหยุดเรื่องความรุนแรงจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการใช้เกมการเมืองว่า อยากทำอะไรปกติก็ต้องมีการเข่นฆ่า และออกแถลงการณ์มาประณามคนเข่นฆ่า ก็ไม่มีความหมาย เพราะคนที่ดำเนินการต่อสู้กับรัฐอยู่ขณะนี้ ก็มีอยู่กลุ่มเดียว เพราะฉะนั้นต้องเลิกเล่นการเมือง และเลิกทำตัวไม่ตรงกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นที่สอง ตนได้บอกไปแล้วว่า เรายอมรับในพหุวัฒนธรรม ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับในสิ่งนี้ด้วย ประเทศไทยมีจุดแข็งที่อยู่ร่วมกันได้ทุกศาสนา เมื่อก่อนในพื้นที่ภาคใต้ชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมก็อยู่ร่วมกัน เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความพยายามในการแยกรัฐ ตนคิดว่าต้องอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ประการที่สาม ตนยินดีที่จะเจรจาพูดคุย ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐเป็นรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้นการจะเจรจาเพื่อเป็นรัฐปาตานี หรือรัฐอะไรก็ตาม เราไม่พร้อมเจรจาด้วย แต่ถ้าจะคุยในเรื่องการอยู่ร่วมกันหรือความร่วมมือ อันนี้เรายอมรับได้ เรายอมรับอยู่แล้วว่าการที่จะให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ มีส่วนร่วมในการปกครองตัวเอง เรื่องนี้มาคุยกันจะเอารูปไหนก็ได้ ถ้ายึดหลักตามที่ตนบอกไป ไม่แบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ ไม่ดำเนินการภายนอกรัฐธรรมนูญไทยที่มีอยู่ ก็มาคุยกันว่าจะเอารูปแบบไหน ตนได้ให้เงื่อนไขกับผู้อำนวยการสะดวกไปแล้ว ซึ่งจริงๆ ที่ทุกคนเห็น ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ทำอะไร เราทำไปหลายส่วน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (5 พ.ค.) ตอนมีโอกาสเจอกับแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 ตนได้กำชับไปว่าขณะนี้ต้องยุติความรุนแรงให้ได้ก่อน เรื่อง อื่นๆ ถึงจะสามารถดำเนินการได้ ถ้าเรื่องนี้ยังไม่ได้ไม่ต้องมาพูดอะไร และตนเห็นด้วยกับนายสุนัย ผาสุข และสิ่งที่ที่พูดมาควรจะนำไปขบคิดกัน อย่าใช้การเมืองให้พูดกันตรง ๆ อย่างจริงใจ และหากอยากแก้ปัญหาให้นำความจริงมาพูดกัน ผู้สนับสนุนหรือฝ่ายต่างๆ ต้องเข้าใจความเป็นจริง วันนี้ต้องตั้งคำถามให้ถูกจุดว่ากลุ่มที่ใช้ความรุนแรงทำอะไรกันอยู่ ไม่ใช่อยู่ๆ มาโจมตีรัฐอย่างเดียว พร้อมยืนยันว่ารัฐไม่ได้อยู่นิ่งและมีการเตรียมความพร้อม แต่ต้องอยู่ภายใต้สิ่งที่รัฐสามารถดำเนินการได้
ส่วนจะมีมาตรการดูแลประชาชนเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังผู้ก่อความไม่สงบร่อนใบปลิวขู่ทำร้ายประชาชนไทยพุทธกับพระสงฆ์ให้มากขึ้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พอเราออกแถลงการณ์ประณามแล้วฝั่งผู้ก่อความไม่สงบทำแบบนี้ ถามว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้น่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเขาคงทำไม่ได้ เพราะขณะนี้เราได้ปรับกำลัง และปรับหน่วยเคลื่อนที่เข้าไปคุ้มครองพื้นที่ชาวไทยพุทธ รวมถึงได้คุยกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อย่างใกล้ชิดตลอด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง และเป็นการพิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นว่าเป็นวิถีที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งการที่ชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมได้เห็นแถลงการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบถามว่าเป็นสิ่งที่ชอบทำหรือไม่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม มองเห็นชีวิตผู้คนที่ไม่เป็นมนุษย์ และยิ่งทำแบบนี้จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าภาคใต้ของประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างมาก ถ้าสองฝ่ายคือไทยกับมาเลเซียร่วมมือกันบริหารจัดการจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และเชื่อว่าจะมีคนพร้อมมาลงทุนจำนวนมาก แต่ความรุนแรงจะต้องยุติเพื่อให้เกิดความมั่นคง เพราะความรุนแรงไม่มีประโยชน์ ซึ่งตนมีแผนที่จะคุยกับทางมาเลเซียเรื่องนี้อยู่แล้ว และตนขอย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่าตนจะใช้ความรุนแรงไปฆ่าคน แต่เป็นการใช้กำลังของเราที่มีอยู่ปกป้องคน และประชาชนในพื้นที่เหล่านั้น ให้ได้รับความปลอดภัยมากที่สุด
โดยวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) ตนได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ไปพูดคุยให้กำลังใจดูแล เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง และขอให้ชาวไทยมองปัญหาอย่างเข้าใจ เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฎิบัติงานอยู่โดยเอาชีวิตเข้าเสี่ยงที่จะแก้ปัญหา อย่าหลงประเด็นที่ถูกบิดเบือนไป เพราะประเด็นสำคัญคือไม่ควรมีการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชน ถ้าไม่มีเรื่องนี้แล้วค่อยมาคุยกัน แต่ถ้าเอาเรื่องนี้มาบีบเราคงยอมไม่ได้ และเราจะต้องดำเนินการอย่างแข็งแรงเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนของเรามีความปลอดภัย