การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของแอธเลติก บิลเบา จากสเปน เกมแรกบิลเบาแพ้คาบ้าน 0-3
เกมนี้เจ้าบ้านส่ง ราสมุส ฮอยลุนด์, บรูโน แฟร์นานเดส, อเลฮานโดร การ์นาโช ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนนำโดย มาโรอาน ซานนาดี, อูไน โกเมซ, อเล็กซ์ เบเรนเกร์
ครึ่งแรกนาที 31 อัลบาโร ฌาโร ดักบอลได้แล้วยิงจังหวะแรกติดกองหลัง บอลกระดอนมาเข้าเท้า มิเคล เฆาเรกิซาร์ ยิงอีกทีจากระยะประมาณ 25 หลา นายทวารพยายามพุ่งตัวปัดแต่เอาไม่อยู่ลูกเข้าประตูไป บิลเบานำ 1-0
ครึ่งหลังนาที 72 เลนี โยโร พาบอลเลี้ยงบุกขึ้นมาจนเข้าถึงพื้นที่เขตโทษ ก่อนดีดต่อให้ เมสัน เมาต์ พลิกหลบกองหลังแล้วยิงลูกพุ่งหนีมือนายทวารเสียบมุมอย่างยอดเยี่ยม แมนฯ ยูไนเต็ดตีเสมอ 1-1
นาที 79 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิกทางฝั่งขวา บรูโน แฟร์นานเดส เปิดมาบริเวณเสาแรก คาเซมิโร ทำท่าเหมือนโขกไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่ก็ยังสามารถบังคับทางบอลให้ลอยผ่านมือนายทวารเข้าประตูไปได้ เจ้าบ้านแซงนำ 2-1
นาที 85 แพทริก ดอร์กู ไหลบอลให้ อาหมัด ดิยัลโล กระชากหนีกองหลังทางด้านขวาของเขตโทษแล้วตวัดเข้ากลาง ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่รออยู่โล่งๆ จึงยิงเผาขนไม่มีเหลือ แมนฯ ยูไนเต็ดทิ้งห่าง 3-1
นาที 90+1 ฆูเลน อากิร์เรซาบาลา ออกจากเขตโทษมาเตะสกัดบอลได้ไม่ดี เมสัน เมาต์ ดักได้บริเวณครึ่งสนามแล้วรีบยิงสวนด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบตาข่ายที่ไร้คนเฝ้าอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ดจึงชนะ 4-1 คว้าชัยสกอร์รวม 7-1
ผลอีกคู่ โบโด/กลิมต์ จากนอร์เวย์ เปิดสนามอัสป์มีรา สตาดิโอน แพ้ต่อ “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากอังกฤษ 0-2 ทีมเยือนได้ประตูจาก โดมินิก โซลันกี นาที 63, เปโดร ปอร์โร นาที 69 สเปอร์สชนะผลรวม 5-1
แมนฯ ยูไนเต็ดเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้หนที่ 2 เดิมทีเคยได้แชมป์ 1 สมัย และรองแชมป์ 1 สมัย ส่วนสเปอร์สเข้าชิงหนที่ 4 ก่อนหน้านี้เคยได้แชมป์ 2 สมัย และรองแชมป์ 1 สมัย
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งที่ 3 ที่สโมสรเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้มาจากอังกฤษทั้งหมด ต่อจากเมื่อฤดูกาล 1971-72 (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์-วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส) และเมื่อฤดูกาล 2018-19 (เชลซี-อาร์เซนอล)
ทั้งนี้ นัดชิงชนะเลิศจะเตะกันที่สนามซาน มาเมาส บาร์เรีย เมืองบิลเบา ของสเปน วันที่ 21 พฤษภาคม