จีนส่งออกโต 8.1% ส่งไปสหรัฐหด 21% แต่ส่งมาอาเซียนเพิ่ม 21% สะท้อนการเปลี่ยนแปลงตลาดปลายทาง
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า จีนมีการส่งออกเติบโตขึ้น แม้การส่งออกไปสหรัฐจะร่วงลงอย่างมากนับตั้งแต่เดือนแรกที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตราสูงกว่า 100% แสดงให้เห็นว่าจีนเริ่มพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น
ตามข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีน พบว่า การส่งออกสุทธิขยายตัว 8.1% ในเดือนเมษายน มากกว่าอัตรา 2% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ส่วนการนำเข้าลดลงเล็กน้อย 0.2% ทำให้จีนยังคงเกินดุลการค้าสุทธิกว่า 96,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.17 ล้านล้านบาท)
การส่งออกไปสหรัฐร่วงลง 21% หลังมีการประกาศเก็บภาษีช่วงต้นเดือนเมษายน แต่ยอดส่งออกไปอาเซียนเพิ่มขึ้น 21% และส่งออกไปสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 8%
ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงผลกระทบเบื้องต้นของกำแพงภาษีที่สูงลิบ และคาดว่าจะเห็นความเสียหายชัดเจนขึ้นนับตั้งแต่นี้ไป ซึ่งหากไม่มีการปรับลดอัตราภาษีลง นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดว่าการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะลดลงอย่างมาก จนไม่เหลือความสำคัญใด ๆ หลังจากที่เคยแตะระดับ 690,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 22.80 ล้านล้านบาท) ในปี 2024
ผู้เจรจาการค้าจากสหรัฐและจีนจะพบปะกันแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรกในวันที่ 10-11 พฤษภาคมนี้ ซึ่งภาคเอกชนหลายแห่งต่างหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาลดอัตราภาษีระหว่างกันได้สำเร็จ
การค้าที่ร่วงลงระหว่างสองมหาอำนาจไม่เป็นผลดีต่อประเทศทั้งสอง สะท้อนได้จากคำพูดของสก๊อต เบสเซนต์ (Scott Bessent) ที่กล่าวว่า มาตรการภาษีอัตราปัจจุบันนั้น “ไม่ยั่งยืน”
เบสเซ็นต์และเจมีสัน เกรียร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐจะเข้าพบเหอ ลี่เฟิง (He Lifeng) รองนายกรัฐมนตรีจีนเพื่อหาทางออกร่วมกัน