แคมเปญ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” กำลังจะกลับมาอีกครั้งในปี 2568! โดย นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยผ่านบทสัมภาษณ์กับอีจันว่า แคมเปญนี้คือเครื่องมือสำคัญในการ “กระชากเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวหลังโควิด” ซึ่งรอบนี้พิเศษกว่าเดิม เพราะ “เมืองรอง” จะมีบทบาทมากขึ้น ไม่ใช่แค่ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา แต่จะเห็นชาวไทยเดินทางไปยัง น่าน เชียงราย นครพนม กันคึกคักแน่นอน
สรุปไฮไลต์แคมเปญ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 2568
เมืองหลักเป็นพี่เลี้ยง เมืองรองเป็นดาวรุ่ง
รัฐมนตรีท่องเที่ยวเผยต่อว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะไม่แบ่งงบแบบ “หารจังหวัด” เหมือนเดิม แต่จะเน้นลงทุนแบบเป็นคลัสเตอร์ หากจังหวัดใดมีความพร้อม มีแผนชัดเจน ก็จะได้รับงบอัดฉีดเป็นพิเศษ โดยจะใช้ เมืองหลักเป็นพี่เลี้ยงเมืองรอง ให้เกิดการเรียนรู้ พัฒนา และเชื่อมโยงกันในทุกมิติ
ข้อเสนอใหม่ ทำงานที่ไหนก็ได้ วันธรรมดาก็เที่ยวได้อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจ คือ แนวคิด “Work from Anywhere” สำหรับข้าราชการ ที่จะสามารถเดินทางทำงานต่างจังหวัดโดย ไม่ต้องลาหยุด เป็นการส่งเสริมให้การเดินทางในวันธรรมดาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ได้ดียิ่งขึ้น
สื่อสารใหม่กับผู้ประกอบการรายเล็ก
หนึ่งในจุดอ่อนที่ผ่านมา คือ ผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เพราะ ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี (ไม่มี พพ.20) ซึ่ง รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุว่า ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่บอกให้เสียภาษี แต่จะ ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เขาจะได้รับ เมื่อเข้าสู่ระบบ พร้อมเสนอให้มีการผ่อนปรนหรือออก “กฎหมายลูก” ให้สามารถร่วมได้อย่างเหมาะสม
โลจิสติกส์ คือ หัวใจ ไปน่าน-นครพนมต้องง่ายขึ้น!
การเข้าถึงเมืองรองยังเป็นความท้าทาย รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุว่า ได้พูดคุยกับ รมว.คมนาคม และนายกรัฐมนตรี เพื่อวางแผนการเดินทางที่สะดวกขึ้นทั้งทางรถ เรือ รถไฟ และเครื่องบิน เช่น น่านที่ไม่มีรถไฟ หรือ นครพนมที่มีศักยภาพแต่ขาดระบบรองรับ
กลุ่มเป้าหมายของแคมเปญนี้คือใคร?
เที่ยวไทยคนละครึ่งรอบนี้ไม่ใช่แค่การลดค่าโรงแรม แต่คือการ “รีเซ็ต” ระบบท่องเที่ยวทั้งระบบ ช่วยเมืองรอง เติบโตแบบยั่งยืน ดึงผู้ประกอบการรายเล็กเข้าสู่ระบบ และยกระดับไทยสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูง