ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“การเปิดกว้างทางจิตใจถือเป็นคุณประโยชน์แห่งชีวิตอันล้ำค่า...มันคือเส้นทางของการปฏิบัติแห่งตัวตนผ่านการเรียนรู้ในมิติของจักรวาลนิยม..เป็นภาพแสดงแห่งรสชาติของชีวิต..ตลอดจนความดำดิ่งสู่สัญชาตญาณการรับรู้อันล้ำลึก..ดั่งเช่น.. “มนุษย์มักจะเรียนรู้จากความเจ็บปวด..มากกว่าความรื่นรมย์”
บทพิสูจน์แห่งวาทกรรมดังกล่าวนี้..ย่อมต้องอาศัยประสบการณ์แห่งการรับรู้..สู่ดวงตาของการปฏิบัติทางถนนความคิดอันแหลมคม..! นั่นคือสัจจะวิถี..ซึ่งสามารถสร้างสรรค์ความหมายของการมีชีวิตอยู่ที่ยากจะคาดคะเนได้..”
สาระอันมาจากหนังสือเล่มสำคัญอันเต็มไปด้วยภูมิรู้ที่เป็นคุณประโยชน์ทั้งต่อการปฏิบัติและสำนึกคิด..ด้วยฝีมือการสร้างสรรค์ของ “มาเรียนา แคปแลน” ( Marian and inCaplan).. “Eyes Wide Open : Cultivating Discernment on Spiritual Path” (กะเทาะเปลือก เส้นทางจิตวิญญาณ : บ่มเพาะปัญญาเห็นตามความเป็นจริงบนวิถีจิตวิญญาณ)
ว่ากันว่า..ทางสายจิตวิญญาณ ก็เหมือนทางสายอื่นๆ ย่อมมีหลุมบ่อและคดเคี้ยววกวน..เหตุนี้..การเดินทางที่ปลอดภัยจึงต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญมาก แต่กลับไมค่อยจะสอนกันในโลกทุกวันนี้..นั่นคือการหยั่งเห็นตามความเป็นจริง(Discernment)
“มาเรียนา” ..มีความมุ่งหวังตั้งใจ..ให้ทุกคนได้บ่มเพาะการตัดสินใจและแยกแยะความต่างอย่างเหมาะสมแหลมคม ซึ่งจะช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตในเชิงจิตวิญญาณได้อย่างมีสติปัญญาอันกระจ่างชัด.. มีการระบุว่า ..”ความรู้แจ้ง” เป็นนัยของ “ดอกไม้ไฟ” และ “ความสุขล้นพ้น” น้อยกว่าที่เป็นการถอดรื้อภาพมายาใช่หรือไม่?..เราจะผสานการปฏิบัติให้มาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?..
..วิธีที่ดีที่สุดในการทำงานกับอัตตาและเงามืด..แก่นสารของหนังสือเล่มนี้ ได้สำรวจถึงคำถามเเหล่านี้ รวมทั้งคำถามอื่นๆอีกมากมาย..เป็นประหนึ่งคู่มือของนักเดินทาง..แก่ผู้ปฏิบัติจากทุกประเพณีความเชื่อ หรือแม้แต่ “ผู้เพิ่งเริ่มต้น” ให้เดินทาง ผ่าน “เขาวงกต” ที่วกวนขึ้นเรื่อยๆ..ซึ่งก็เท่ากับเป็นการให้คำจำกัดความของชีวิตในเชิงจิตวิญญาณ..ที่แท้จริง..!
..อาจถือได้ว่า..นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ผู้คนจำนวนมากได้เข้าถึงคำสอนด้านจิตวิญญาณที่ก้าวหน้าที่สุด ทำให้มีความเป็นไปได้ใหม่..ที่จะร่วมฝึกจิต ซึ่งก่อนหน้านี้มีขึ้นเพียงผู้ที่ได้รับเลือกไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าร่วมได้..ซึ่งก็คือฤาษี พระ และ นักบุญ..แต่นี่..เป็นโอกาสอันน่าทึ่ง ซึ่งเปิดให้มีความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่คนจำนวนมากจะสามารถตื่นรู้ได้..ในธรรมชาติอันเป็นเนื้อแท้ของตน..ขณะเดียวกันก็ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติได้อย่างสมดุล..
..แต่ในเวลาเดียวกัน..ภาวการณ์นี้ก็ก่อให้เกิดหลุมคพรางใหม่ๆ..ความเข้าใจผิด ..พฤติกรรมออกนอกลู่นอกทาง และการแสวงหาที่ได้รับคำแนะนำอย่างผิดๆ..ขึ้นอย่างมากมายก่ายกอง..ซึ่ง “มาเรียนา” ก็ได้สำรวจและรวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วยความเข้าใจอันลึกซึ้ง..! และ..เมื่อไหร่ก็ตาม..ยิ่งถ้าเราสนใจในการใช้ชีวิตและปฏิบัติธรรมในเชิงบูรณาการที่ “มาเรียนา”ได้สนับสนุนไว้เราก็จะได้ประโยชน์จากคู่มือในการพัฒนา.. อันเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ ..ของประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่สำแดงออก..นั่นก็คือ “การเห็นตามความเป็นจริง” (Discernment) ..แม้จะอยู่..ภายใต้สภาวการณ์ที่ดีที่สุด..เส้นทางการพัฒนาทางจิตวิญญาณ ก็หาได้ตรงไปตรงมา อย่างที่อาจเห็นในเบื้องแรก..เหตุผลข้อหนึ่งก็คือ..มันจะนำเราไปสู่ความจริงแท้ในลำดับที่สูงขึ้น..ซึ่งก็มักจะไม่ลงรอยกับวิธีคิด และวิธีรับรู้อันเป็นปกติธรรมดาของคนเรา..
..ในทางพุทธศาสนา ...ความจริงสองระดับนี้เรียกว่า.. “ปรมัตถสัจจะ” กับ “สัมพัทธสัจจะ” ..ซึ่งมุมมองบางอย่างที่ได้รับมาจากความจริงระดับปรมัตถ์เช่น.. “ไม่มีสิ่งใดจริงปล่อยวางชีวิต “ดีชั่วเป็นเพียงมายา” ทิ้งอัตตาแล้วศิโรราบ”
..ปรมัตถสัจจะเหล่านี้อาจกลายเป็นเครื่องมือหลอกตัวเองไปได้ในที่สุด..! ..หนังสือเล่มนี้เป็นความพยายามของ “มาเรียนา” ที่จะลงลึกไปในความซับซ้อนของจิตวิญญาณที่แสดงออกมาในเชิงบูรณาการอย่างแท้จริง..เป็นการสำรวจร่วมกันว่า จะรับมือกับอุปสรรคที่เลี่ยงไม่ได้ได้..ซึ่งเราจักต้องเผชิญบนเส้นทางสายจิตวิญญาณได้อย่างไร?
เพื่อจะได้มีชีวิตแห่งการเปลี่ยแปลงชีวิตทางจิตวิญญาณที่ห้างหาญ เฉลียว ฉลาด และ ผ่องแผ้ว..!..เราจะเรียนรู้ว่า..วิธีการตรวจสอบหาความจริง และประเมินการปฏิบัติ เส้นทางจิตวิญญาณได้อย่างชาญฉลาด..และเราจะเรียนรู้การแยกแยะในระหว่างหลักความจริงกับความเท็จ ระหว่างความลุ่มหลงที่ผูกมัด..กับความลุ่มหลงที่ให้อิสระแก่เรา..!
ในตอนที่เราเป็นเด็กเล็กๆ..เราเริ่มที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ คำถามสำคัญของชีวิต..เช่นความตายคืออะไร?/เรามาที่นี่ได้อย่างไร?/ตลอดจนความท้าทายธรรมชาติของมนุษย์..พวกเราไม่กี่คนหรอก ที่มีพ่อแม่ประเภทที่นั่งลงแล้วคุยกับเรา..โดยมีสาระสำคัญว่า.. “ลูกเข้ามาสู่ความลี้ลับอันยิ่งใหญ่ ที่มีความสุขเหลือคณานับและความเศร้าอันไพศาล ..ตัวลูกเองเป็นการแสดงออกของความลี้ลับอันยิ่งใหญ่..ซึ่งมันมีหลายวิธีเหลือเกินที่คนเราสามารถเรียนรู้เพื่อจะทำความเข้าใจตนเองและชีวิต..
“มาเรียนา” ได้ตอกย้ำว่า..พวกเราแทบทุกคนไม่เคยได้รับคำแนะนำที่ฉลาดและมีวุฒิภาวะ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับความท้าทายมากมายมหาศาล..สิทธิพิเศษและความเป็นไปได้ของชีวตที่เราเข้ามาอยู่ ...ผู้ใหญ่ในชีวิตของเราไม่ได้สอน วิธีเลือกปฏิบัติทางจิตวิญญาณอย่างฉลาด..เพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..มีข้อยกเว้นอยู่บ้างแต่ก็...หายาก.. “โรงเรียนของเรา” ไม่ได้สอนวิธีจัดการกับอารมณ์ของเรา..เนื่องเพราะ “ครูส่วนใหญ่” ..ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์ของตนเช่นไร?..!..ในโรงเรียนมัธยมปลาย ไม่มีวิชาที่สอนให้เข้าใจทางเลือกเชิงจิตวิญญาณของเรา เพราะไม่มีการยอมรับหรือซาบซึ้งร่วมกัน..ถึงคุณค่าของการอบรมจิตและวิญญาณ..
ถ้าเราโชคดีพอจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เราก็ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง หรืออาจมีโชคซึ่งก็หาได้ยากยิ่ง..ที่จะได้รับนำจากผู้อาวุโสที่มีสติปัญญาและวุฒิภาวะ.. “การพัฒนาปัญญา..เห็นตามความจริงขึ้นมา ไม่ได้ป้องกันเราจากการทำอะไรผิดพลาด..แต่มันช่วยให้เราได้เรียนรู้..บทเรียนชีวิตได้ชัดขึ้น เร็วขึ้น เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส และหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่ไม่จำเป็น..!
"การเดินทางตามความเป็นจริงสอนเรา ให้ใช้ชีวิตให้ดี..”..และเมื่อเราตายก็จะตายด้วยความรู้สึกว่า “ที่ผ่านมาฉันได้ใช้ชีวิตที่ดีแล้ว” อันมีความรู้สึกระลึกรู้มากเท่าที่จะสามารถมีได้แล้ว..
“และฉันก็ทำตามเป้าหมายบนโลกนี้ได้สมดั่งใจแล้ว..เราสามารถได้รู้ว่า..ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้เปล่าประโยชน์..เราได้สัมผัสชีวิตแล้ว..และชีวิตก็ได้สัมผัสเราแล้ว..ด้วยเช่นกัน .!”..ในโรงเรียนมัธยมปลาย ไม่มีวิชาที่สอนให้เข้าใจทางเลือกเชิงจิตวิญญาณของเรา เพราะไม่มีการยอมรับหรือซาบซึ้งร่วมกัน..ถึงคุณค่าของการอบรมจิตและวิญญาณ..
ถ้าเราโชคดีพอจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เราก็ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง หรืออาจมีโชคซึ่งก็หาได้ยากยิ่ง..ที่จะได้รับนำจากผู้อาวุโสที่มีสติปัญญาและวุฒิภาวะ.. “การพัฒนาปัญญา..เห็นตามความจริงขึ้นมา ไม่ได้ป้องกันเราจากการทำอะไรผิดพลาด..แต่มันช่วยให้เราได้เรียนรู้..บทเรียนชีวิตได้ชัดขึ้น เร็วขึ้น เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส และหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่ไม่จำเป็น..!
“การเดินทางตามความเป็นจริงสอนเรา ให้ใช้ชีวิตให้ดี..”
และเมื่อเราตายก็จะตายด้วยความรู้สึกว่า “ที่ผ่านมาฉันได้ใช้ชีวิตที่ดีแล้ว” อันมีความรู้สึกระลึกรู้มากเท่าที่จะสามารถมีได้แล้ว.. “และฉันก็ทำตามเป้าหมายบนโลกนี้ได้สมดั่งใจแล้ว..เราสามารถได้รู้ว่า..ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้เปล่าประโยชน์.."เราได้สัมผัสชีวิตแล้ว..และชีวิตก็ได้สัมผัสเราแล้ว..ด้วยเช่นกัน .!”
“มาเรียนา”..จบการศึกษาทางมนุษยวิทยาวัฒนธรรม จิตวิทยาการปรึกษา และจิตวิญญาณร่วมสมัย..เธอคิดว่าส่วนใหญ่ของการศึกษา และ แรงบันดาลใจของเธอ ได้มาจากหลายปีของการทำวิจัย และปฏิบัติในประเพณีวิจัยที่ยิ่งใหญ่ของโลก..ตลอดจนการอยู่ในหมู่บ้านที่อินเดีย อเมริกากลาง และ ยุโรป..อีกทั้งเธอยังเป็นอาจารย์สอนโยคะ และ จิตวิทยาเหนือคนอีกด้วย..!
“..ขณะที่เราก้าวข้ามประสบการณ์จอมปลอมของเรา ไปสู่ประสบการณ์ด้านที่จริงกว่าเดิม และเป็นของแท้ขึ้น การหลอมตัวเองที่เผยออกมา จะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ..จงอย่าได้ประเมินความลื่นของเส้นทางสายจิตวิญญาณต่ำจนเกินไป..หลุมพรางของมันมีมากมาย พอๆกับจำนวนก้าวย่างที่เราเดินไป..และเราทุกคนก็ตกหลุมพรางเหล่านั้น..ยิ่งเรารู้จักคนบนหนทางมากเท่าไหร่..เราก็สามารถหลีกเลี่ยงหลุมบ่อบนถนนได้มากเท่านั้น..!
นี่คือหนังสือแห่งคุณค่า..ที่เปิดกว้างทางจิตปัญญา.. ที่เสริมส่งความคิดและวิจารณญาณอันหลากหลายสําการรับรู้ใหม่ ที่เปิดกว้างและล้ำลึก..จากภายในสู่ภายนอก และจากประสบการณ์จากโลกกว้างสู่วิถีด้านลึกของเจตจำนง..เป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์..ที่มีชีวิตเป็นแบอย่างในการรังสรรค์ความคิด..ดั่งการจุดประกายภูมิรู้ให้แตกแขนงออกเป็นปัญญาญาณของการหยั่งเห็น..อย่างไม่รู้จบรู้สิ้น..!
“กรรณิการ์ พรมเสาร์” นักแปลผู้มีความสามารถ..ถอดความและเเปลหนังสือเล่มนี้..ออกมาอย่างเต็มไปด้วยภาษาของรายละเอียด..และด้วยสาระเนื้อหาอันอิ่มเต็มและหยั่งลึก..โดยมีนักแปลอาวุโส “พจนา จันทรสันติ” เป็นบรรณาธิการ..!
“..ฉันเชื่อว่า..พวกเราเกือบทุกคน ใช้ชีวิตไปกับการเล่นสนุกที่ตีนเขา ของภูเขาแห่งจิตวิญญาณ ไม่ว่าเราจะถูกเรียกขานให้เป็นครูแห่งจิตวิญญาณ เคยเกิดความรู้ความเข้าใจวาบขึ้นมาเป็นร้อยๆครั้ง หรือเป็นผู้ปฏิบัติที่ซื่อสัตย์และจริงใจมานาน..เราก็ยังอยู่ระหว่าง การฝึกผูกเชือกรองเท้า..และก้าวไปอย่างระมัดระวัง..!”