นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาโครงการขับเคลื่อนเจ็ตสกีเป็นผู้นำโลกและพัฒนาโครงการจิตอาสากู้ภัยวิกฤติน้ำท่วม พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ, น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการผู้จัดการ กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทพราว และ พราวเรียลเอสเตท มหาชน, นายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวโครงการขับเคลื่อนเจ็ตสกีเป็นผู้นำโลก และพัฒนาโครงการจิตอาสากู้ภัยวิกฤติน้ำท่วม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ได้เห็นการเติบโตของสมาคมกีฬาเจ็ตสกีฯ ที่มีแนวคิดในการส่งเสริมการสร้างแบรนด์ทัวร์นาเมนต์กีฬาเจ็ตสกีอาชีพของไทย ออกไปแข่งขันบนเวทีโลก กับชาวต่างชาติ และกำลังประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำบนเวทีโลก ที่สำคัญได้สร้างประโยชน์ด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยนำนักกีฬาทั่วโลก เข้ามาแข่งขันในประเทศไทยทุกปีเดือนธันวาคม ปีล่าสุด สร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติกว่า 650 ล้านบาท ในทัวร์นาเมนต์เวิลด์คัพ ที่พัทยา อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง คือการที่สมาคมฯ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วประเทศ จนเกิดเป็น “โครงการอาสากู้ภัยและดูแลสิ่งแวดล้อมทางน้ำ” ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสมาคมฯ และกลุ่มบริษัทพราว ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการนำนวัตกรรมและพลังของภาคเอกชนมาสนับสนุนระบบกู้ภัยของประเทศ พร้อมสร้างเครือข่ายอาสาสมัครที่มีความพร้อมทั้งทักษะ ความเสียสละ และจิตอาสา
นางสาวพราวพุธ กล่าวว่า ไม่คาดคิดว่าเจ็ตสกีจะสามารถสร้างประโยชน์ในด้านงานกู้ภัยได้อย่างมีศักยภาพขนาดนี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติน้ำท่วมที่ผ่านมา นายกสมาคมฯ ได้ถอดบทเรียนและวางแผนดำเนินโครงการที่สามารถสนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีระบบ จึงเป็นที่มาของโครงการอาสากู้ภัยและดูแลสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ซึ่งกลุ่มบริษัทพราวเห็นถึงความสำคัญ และยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการนี้ให้เกิดขึ้นจริง ในทุกๆ ด้าน
พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า น้ำท่วม เจ็ตสกีไม่เพียงแต่เป็นกีฬาแห่งความเร็วหรือความสนุก แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เราเชื่อมั่นว่า เจ็ตสกีจะเป็นหนึ่งในกีฬาที่คนไทยได้ชื่นชม และภาคภูมิใจร่วมกันอย่างแท้จริง ส่วนการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยสนามเปิดฤดูกาล ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 5-6 เมษายน ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามขับเคลื่อนเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจของกีฬานี้กว่า 120 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ว่า กีฬาเจ็ตสกีไม่เพียงสร้างความสุขให้ประชาชน แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม