ชาญชัยแท็กทีมทนายนกเขา ขอเข้าฟังห้องไต่สวนคดีทักษิณชั้น 14
GH News June 08, 2025 07:05 PM

กลุ่มชาญชัย-ทนายนกเขา ทำหนังสือถึงศาลฎีกาฯขอเข้าห้องฟังไต่สวนคดีทักษิณป่วยทิพย์  ศุกร์นี้ 13 มิ.ย. ย้ำใบเสร็จจ่ายเงินรพ.ตำรวจ หลักฐานสำคัญ เตือนบิ๊กรพ.ตำรวจ อย่าคิดแก้ไขข้อมูลในระบบก่อนถึงวันไต่สวน  หากทำถูกจับได้ทันที

8 มิ.ย.2568 – นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคนที่เคลื่อนไหวยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯให้ทำการไต่สวนการส่งตัวและการรักษาทักษิณ ชินวัตร ในคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ เปิดเผยในวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย.นี้ จะส่งหนังสือถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อแจ้งขอนำคณะของตนเองประมาณ 5-6 คน และนายนิติธร ล้ำเหลือ เพื่อขอเข้าร่วมฟัง-สังเกตการณ์การไต่สวนของศาลฎีกาฯในเรื่อง ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ในวันศุกร์นี้ 13 มิ.ย.ที่จะเริ่มไต่สวนตั้งแต่เวลา 09.30 น.

เมื่อถามถึงการไต่สวนของศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย. นายชาญชัยกล่าวว่า ตนเองและคนในกลุ่มได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงไปยื่นให้ศาลฎีกาฯเมื่อ 29 พ.ค. เพื่อให้เรื่องนี้ครบเรื่อง แต่ว่าเรื่องข้อกฎหมาย ถ้ากรณีนี้เมื่อไม่ได้มีการรักษา ไม่ได้ป่วย ก็เท่ากับขัดต่อคำสั่งของศาลฎีกาฯ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 89/2 เขียนไว้ว่าต้องขออนุญาตศาล หากจะย้ายไปขังไว้ที่โรงพยาบาล โดยไม่ป่วยก็ทำได้ แต่ต้องไปขออนุญาตกับศาลฯ แต่ถ้าป่วย จะไปเข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เรื่องการบังคับตามคำพิพากษาฯ มาตรา 246 ที่ก็คือต้องไปขออนุญาตต่อศาล แล้วศาลจะเป็นคนอนุญาต ถ้าทำให้ถูกต้อง จะต้องไปแจ้งต่อศาล ทั้งหมดเป็นอำนาจของศาลตามข้อกฎหมาย

“แต่ยิ่งไม่ป่วย ยิ่งเป็นการหลีกเลี่ยงและหลอกลวง ขัดคำสั่งศาล ไม่จำคุกตามคำพิพากษาศาล อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจนำนักโทษออกจากเรือนจำไปโดยพลการ แต่เป็นอำนาจของศาล พรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 6 กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า “กรมราชทัณฑ์อาจดําเนินการให้มีมาตรการบังคับโทษด้วยวิธีการอื่นนอกจากการควบคุม ขัง หรือจําคุกไว้ในเรือนจํา แต่มาตรการดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา” นายชาญชัย ระบุ

นายชาญชัย ระบุว่า รวมตลอดถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่ก็คือ กรณีนำนักโทษไปรักษา อย่าไปออกกฎกระทรวงใดๆ ที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อมีการออกกฎกระทรวงที่ขัดตั้งแต่แรกเริ่มแล้วมีการลักไก่ซ้ำ พบว่ากฎกระทรวงดังกล่าว มีการออกกฎกระทรวงแก้ไขของกระทรวงยุติธรรม รมว.ยุติธรรม ออกกฎกระทรวงที่ตัวเองรักษาการ สองฉบับมีการออกมาโดยขัดกันเอง ถามว่ามีเจตนาเรื่องอะไร ผมก็เขียนประเด็นนี้ส่งไปให้ศาลฎีกาฯ แล้ว ทางศาลก็จะไปพิจารณาเอง กฎหมายไม่ได้ห้ามราชทัณฑ์พานักโทษออกไป แต่ราชทัณฑ์ต้องใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาควบคู่กันไปด้วย จะพาไปไหนก็ได้ แต่ต้องแจ้งกับศาล หากศาลอนุญาตก็จบเรื่อง แต่อันนี้เขากลัวว่าศาลจะรู้ที่พาออกไป ก็เลยไม่แจ้ง พอไม่แจ้งก็ขัดกับกฎหมายแล้วเมื่อตอนนี้ ศาลฎีกาฯจะเข้ามาไต่สวน สิ่งที่เคยอ้างว่าป่วยวิกฤต ก็ไม่ได้ป่วย ไม่ได้รักษาเลย เจ็ดวันแรกที่ไปนอน ไม่ได้ค่ารักษาอะไร มีแต่ค่ายาหลักร้อย แล้วจะป่วยวิกฤตได้อย่างไร นอกนั้นก็เป็นค่าห้องพัก ไปนอนชมวิว

 นายชาญชัยกล่าวอีกว่า เอกสารใบเสร็จรับเงิน รพ.ตำรวจ ที่เป็นใบเสร็จค่าใช้จ่ายของนายทักษิณ ชินวัตร ตอนที่นอนพักรักษาตัวที่รพ.ตำรวจที่ไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ ก่อนหน้านี้คือการยืนยันว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริงเพราะมีรายละเอียดอยู่ในใบเสร็จ ที่นายทักษิณจ่ายเงินให้รพ.ตำรวจ ที่มีแต่ค่าห้องพัก กับค่าอาหารเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้มีค่ายาอะไรเพราะอย่างเวลาเราป่วยแล้วไปโรงพยาบาล หมอก็จะตรวจอาการ แล้วก็จ่ายยา แล้วก็มีใบเสร็จให้โดยในใบเสร็จจะมีรายละเอียดหมด เช่นค่ายา แต่ใบเสร็จของนายทักษิณ ไม่มีค่ายาอะไร มีแต่ค่าห้องพัก เหมือนกับคนไปเช่าห้องไว้

“แบบนี้ก็เป็นหลักฐานชัดว่านายทักษิณป่วยหรือไม่ป่วย เพราะหากป่วยยังไงต้องมีค่ายาด้วย ส่วนเรื่องเวชระเบียนของนายทักษิณ คงเป็นหน้าที่การตรวจสอบของแพทยสภา ซึ่งเขาคงได้มาหมดแล้ว ทั้งหมดเป็นเรื่องการที่นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริงแต่อ้างว่าป่วยแล้วบรรดาแพทย์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องมีการรวมหัวกัน ซึ่งหลักฐานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นหัวโจกก็คือ คนที่จ่ายเงินค่าห้องพัก ที่ก็คือนายทักษิณ จึงถือว่าเป็นคนบงการ เพราะเขาไม่ได้ป่วย แต่จะมาอ้างอะไรต่างๆ แล้วให้คนอื่นมาติดคุกแทน” นายชาญชัย ระบุ

นายชาญชัยย้ำว่าหลักฐานทั้งหมด ไม่ใช่หลักฐานที่พวกผมทำกันขึ้นมา แต่เป็นหลักฐานทางราชการ ซึ่งหากเขาจะบอกว่าไม่จริงแล้วส่งเอกสารอีกอันไปให้ศาลฎีกาฯ ตรงนี้ศาลก็จะพิสูจน์เอง แต่ใบเสร็จดังกล่าวออกมาจากรพ.ตำรวจ มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองว่าเป็นเอกสารจริง ผมไม่ได้ไปขโมยมา ไม่ได้เป็นเอกสารลับ มีคนส่งมาให้ผม ผมก็เลยส่งไปให้ศาลฎีกาฯ เอกสารที่ส่งให้ศาลฎีกาฯ เป็นการทำให้เห็นว่าแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจในเวลานั้น เป็นคนรักษาหรือไม่ได้รักษานายทักษิณ ซึ่งจากข้อมูลก็คือไม่ได้มีการรักษา เพราะไม่ได้มีอาการรุนแรง ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่ได้ป่วยวิกฤตฯ ก็ใบเสร็จออกมาว่าไม่มีค่ายา เมื่อส่งไปให้ศาลฎีกาฯ แล้ว ก็ให้ศาลไปพิจารณา เป็นอำนาจศาล

นายชาญชัย ระบุว่า หากนายทักษิณป่วยจริง ป่านนี้หลักฐานก็ต้องปรากฏเช่น ค่ารักษา ค่าหมอที่รักษา ค่ายา เพราะไปนอนตั้ง 181 วันแต่กลับไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวเลย แล้วจะมาโยนให้ราชทัณฑ์กับหมอ ไปติดคุกแทนคุณ ผมถึงเคยบอกว่า ทักษิณ ทำไมคุณใจดำ ให้คนอื่นมาติดคุกแทนคุณ ถ้าแบบนี้ก็ไม่เป็นธรรม จึงต้องการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะใบเสร็จเหล่านี้ ทักษิณเป็นคนจ่ายเงิน ถ้าเขาไม่ได้จ่ายเงิน ชื่อในใบเสร็จจะเขียนชื่อนายทักษิณได้อย่างไร หากแพทย์ที่เกี่ยวข้องจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แบบที่ผมบอก เขาก็ต้องไปอธิบายต่อศาลต่อไปว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ถ้าแบบนี้ผมว่าเขาจะยิ่งหนักเลย เพราะเจ้าหน้าที่การเงินของรพ.จะเล่นกับคุณด้วยหรือไม่ หลักฐานตรงนี้ใบเสร็จที่จ่ายให้รพ.ตำรวจ มีการล็อกไว้ในระบบ

“หากไปแก้ในระบบ จะรู้ทันทีว่ามีการแก้ไข ไม่ใช่ว่าแก้ไม่ได้ คนพวกนี้ทำได้หมด แต่เราก็จะรู้ทันทีหากเขาจะแก้ไขข้อมูลในระบบ หากนายทักษิณ ยืนยันว่าป่วยจริง เขาก็ต้องชี้แจงออกมาว่า เขาจ่ายเงินให้หมอให้โรงพยาบาลจริงหรือไม่ เวชระเบียนเป็นอย่างไร แล้วพยาบาลเขาก็มีข้อมูลอีกชุดหนึ่งของเขา ค่ายาก็มีอีกชุดหนึ่งของทางเภสัชกร ก็นำมาโชว์กันเลย  ซึ่งหลักฐานที่ยื่นไป กว่าจะหาหลักฐานอะไรมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ต้องใช้สติปัญญา ความอดทน”นายชาญชัย ระบุ 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.