สุดทน! รอรัฐไม่ไหว 7 ชุมชนริมน้ำกก ตั้งวงเสริมทักษะทำแผนแจ้งเตือนรับมือน้ำท่วม หวั่นรุนแรงกว่าปี 67 ยังมีเรื่องสารโลหะหนักเพิ่ม
GH News June 09, 2025 12:05 AM

สุดทน! รอรัฐไม่ไหว 7 ชุมชน ริมน้ำกก ตั้งวงเสริมทักษะทำแผนแจ้งเตือนรับมือน้ำท่วม หวั่นรุนแรงกว่าปี 67 ยังมีเรื่องสารโลหะหนักเพิ่ม

วันที่ 8 มิถุนายน 2568 ที่โฮงเฮียนแม่น้ำโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (คอก.) มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ได้จัดกิจกรรมเสริมทักษะในการรับมืออุทกภัยให้แก่ชุมชน 7 แห่งตลอดลำน้ำกก จากชายแดนพม่าที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ถึง อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 35 คน 

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋” ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ปัญหาแม่น้ำโขงปัจจุบันมีประเด็นสารพิษโลหะหนักปนเปื้อนเนื่องจากการทำเหมืองที่ต้นน้ำในพม่า โฮงเฮียนฯ จึงได้มีปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนและชุมชน โดยตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จากสบรวก อ.เชียงแสน ถึง อ.เชียงของ จ.เชียงราย 

ประเด็นแม่น้ำโขงขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่ารัฐยังทำงานแบบเดิม คือทำให้ปัญหาดูไม่รุนแรง และรัฐจะจัดการเอง แต่การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นคือการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน การร่วมมือกันกับรับและภาควิชาการ 

“ทีมงานของโฮงเฮียนน้ำของ ได้ติดตามวัดระดับน้ำและตะกอนแม่น้ำโขงมาตลอด ตอนนี้เจอเรื่องสารโลหะหนักปนเปื้อน ครั้งนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของชีวิตแล้ว รัฐได้เห็นความสำคัญของปัญหานี้ขนาดไหน”นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋” กล่าว

พระมหานิคม มหาภินิกฺขมโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เดินทางจากหัวน้ำกกประเทศไทย มาถึงปลายแม่น้ำกก ที่แม่น้ำโขง ตนเป็นลูกน้ำกก ทุกคนเวลานี้ต่างได้รับความทุกข์ แต่เราไม่ยอมอยู่นิ่งจึงต้องมาทำงานร่วมกัน เราไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเราเอง แต่ทำเพื่ออนาต เพื่อลูกหลานที่จะเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย แม้จะไม่สำเร็จในยุคของเรา ก็ส่งต่องานให้ทำต่อไป 

ขณะที่นายทาเคโอ โตโยต้า ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้สอนการวัดระดับน้ำ และหากระดับน้ำกกสูง 5 เมตร ที่บ้านร่มไทย จะต้องมีการแจ้งเตือนในกลุ่มไลน์เพื่อเฝ้าระวัง โดยการสร้างเครือข่ายทำงานโดยแต่ละคนต่างประสบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมที่แม่น้ำกก ทำให้เกิดความช่วยเหลือกัน 

ทั้งนี้ผู้แทนชุมชนทั้ง 7 แห่ง ได้เล่าสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมและดินโคลนถล่มเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา โดยแต่ละหมู่บ้านต่างได้รับความเสียงหายอย่างหนัก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และหลายคนต่างแสดงความหนักใจในสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในฤดูฝนครั้งนี้ แต่ยังมีความอุ่นใจที่ได้สร้างเครือข่ายช่วยเหลือและเฝ้าระวังภัยร่วมกัน 

นายทศพร สามหน่อวงศ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.14 บ้านร่มไทย กล่าวว่า พายุยางิเข้าทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน น้ำขึ้น 20 ซม.ใน 1 ชั่วโมง ซึ่งรวดเร็วมาก และชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่าน้ำจะท่วม แม้ได้เข้าไปเตือนชาวบ้านให้ย้ายข้าวของ แต่ปรากฏว่าน้ำมาแรงและพัดเอาไปทั้งที่ดินละบ้านเรือน มีประชาชนตรอมใจเสียชีวิตหลังจากนั้น ทุกคนช่วยกัน

ในขณะที่สมาชิกอบต.บ้านจะคือ  กล่าวว่า น้ำกก ท่วมปี 2567 ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หน่วยงานรัฐเตือนว่าฝนตกหนักให้ยกของขึ้นที่สูง แต่เกิดน้ำท่วมถึงหลังคาบ้าน ซึ่งนำเอาทรัพย์สินออกมาไม่ได้เลย ถนนถูกท่วม ดินสไลด์ เส้นทางถูกปิดออกไปไม่ได้ สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดขาด พอน้ำลดแล้วก็มีแต่โคลน กว่าจะเคลียร์ได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน รู้สึกดีใจได้มาร่วมในเครือข่ายเพราะจะได้ทราบข้อมูลเพื่อเตรียมการรับมือ 

ทั้งนี้ในวงหารือ ชาวบ้านต่างแสดงความวิตกกังวลเพราะเชื่อว่าปีนี้ไม่ใช่มีเพียงสถานการณ์น้ำหลากที่รุนแรงเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องสารโลหะหนัก เช่น สารหนู ปรอท แคดเมียม ที่ไหลลงมาพร้อมน้ำจากเหมืองต้นน้ำฝั่งพม่า ซึ่งขณะนี้มีการเปิดพื้นที่มากกว่า 40 แห่ง แต่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าทำเหมืองอะไรบ้าง ใช้สารอะไรบ้าง และมีระบบจัดการของเสียหรือไม่ 

ในวงหารือของ 7 ชุมชนริมลำน้ำกก เห็นพ้องว่าไม่สามารถรอความช่วยเหลือที่ล่าช้าและไม่ชัดเจนจากรัฐได้ เพราะชาวบ้านยังคงต้องอาศัยอยู่กับลำน้ำในทุกวัน แต่กลับไม่สามารถใช้น้ำ ไม่สามารถกินปลา หรือปลูกผักในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย จึงต้องพยายามช่วยเหลือกันเองให้มากที่สุด

ขณะที่นายมนตรี จันทวงศ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเสรีภาพแม่น้ำโขง ได้สาธิตการตรวจวัดตะกอนแม่น้ำโขง ร่วมกับตัวแทนชุมชน 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง เพื่อให้ทราบค่าความขุ่นของแม่น้ำโขงที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อน และน้ำจากแม่น้ำกกมีการปนเปื้อนสารหนูสูงกว่าค่ามาตรฐาน โดยมีคำถามว่าการตักน้ำมาวัดจะทำอย่างไร นายมนตรีตอบว่าเมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าแม่น้ำมีสารพิษ เราก็เดินลงไปตรวจเลย แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

“เสียงเรียกร้องจากชุมชนจึงชัดเจนว่า พวกเราต้องยุติการทำเหมืองที่ไร้มาตรฐานโดยเร็ว ต้องมีระบบติดตามและเตือนภัยที่ออกแบบร่วมกันของชุมชน รัฐต้องมีคำตอบและความรับผิดชอบต่อปัญหาสุขภาพและการปนเปื้อนที่อาจแพร่กระจายไปไกลกว่าริมแม่น้ำ ก่อนที่ความเสียหายจากสารพิษ อาจกลายเป็นบาดแผลถาวรที่แม่น้ำไม่อาจชะล้างได้” นายมนตรี กล่าว.

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.