⦁….เกมปรับ ครม. ยืดเยื้อ ทักษิณ ชินวัตร โหมโรงส่งสัญญาณผ่านการวิเคราะห์ คอนเฟิร์มข่าวที่ปูดมาหลายเดือน เพื่อไทยมีเป้าหมาย ยึดเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมากำกับเอง แต่ครั้นจะลงมือ ของที่เอาไปแย็บแลก หยั่งท่าทีเกรดไม่ถึง ภูมิใจไทยส่ายหัว มิหนำซ้ำ ไม่กลัวคำขู่ถ้าไม่รับอาจเขี่ยพ้นรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล มท.1 หัวหน้าภูมิใจไทย ข่มกลับ หากริบตำแหน่ง พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ส่งผลต่อแผนจัดแถว
วางตัวมือบริหารใหม่ ไขว้กระทรวงชะงัก และไม่อาจทำนายได้ว่า จะจบแบบไหน เนื่องจากออกได้ทุกหน้า
⦁….แต่อันที่จริง นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร ผู้มีอำนาจเต็ม ปรับปรุงคณะรัฐมนตรี “เลือกกดปุ่ม” ลิขิตอนาคตภูมิใจไทยได้ แค่จรดปากกาลงนาม ว่าจะให้ไปต่อหรือไม่ และไปต่อแบบไหน หรือว่า “พอแค่นี้” จบแล้วค่ะหนู โดยที่ไม่ต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง ขอแยกทาง ตัดสินชะตาตัวเอง สามารถใช้ดาบอาญาสิทธิ์นายกฯ ตัดสายสะดือร่วมรัฐนาวาได้เลย ขึ้นอยู่กับว่า กล้าหรือไม่ แต่หากจะให้พรรคสีน้ำเงิน
ถอนตัว เชื่อว่าค่ายนี้ ไม่ฮาราคีรีตัวเอง
⦁….อีกพรรคในโปรแกรมปรับ ครม. แม้มิใช่เป้าหมายหลัก จุดโฟกัสยึดมหาดไทย แต่ก็ทำเอา รวมไทยสร้างชาติ กระเพื่อมแรง แตกเป็น 2 ก๊กชัดเจน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค ผนึก เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ ตั้งป้อมตรึง ส.ส.ในค่ายไว้ในมือจำนวนหนึ่ง สู้กับ เดอะเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้า ที่ล่าชื่อผู้แทน แยกตัวออกมา เสนอนายกฯรื้อปรับใหญ่ รัฐมนตรีพรรค 2 ฝั่งมีกำลังใกล้เคียงกัน เกมยึดบ่อน้ำมัน ขุมก๊าซพลังงานไม่ง่าย เมื่อผลักไสพีระพันธุ์ ไปเป็นพันธมิตรภูมิใจไทย ในฐานะหัวอกเดียวกัน หมากนี้ก็ยิ่งเดินยาก
⦁….รัฐบาลผสม ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ครองเสียงข้างมากในสภาขั้นต่ำ 324 รวมสแปร์พาร์ต โก่งเบ่งเต็มที่ สมมุติมี 335 เสียงทิพย์แท้ กรณีสะบั้นสัมพันธ์ภูมิใจไทย 69 เสียงพรรคเดียวพับแผน ไม่เด็ด “พีระพันธุ์” เนื่องเพราะมิใช่เป้าหมายสำคัญเหมือนมหาดไทย หักลบแล้วเหลือ 266 เกินครึ่งที่จำนวนเต็ม 250 เสียง อยู่ 16 เสียง ยังไปต่อได้ ไม่มีปัญหามากนัก เมื่อมองจากจำนวนเสียง เกณฑ์การตัดสินในฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเดียว ไม่นับรวม ความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชน ที่ไม่ได้วัดด้วยที่นั่งผู้แทนเท่านั้น หากแต่ ฝีไม้ลายมือบริหาร เป็นเสาค้ำสำคัญ หลักประกันความยืนยาว
⦁….ไม่ว่า นายกฯจะตัดสินใจปรับ ครม.หรือไม่ และเลือกสูตรไหนก็ตาม ระหว่างให้ความสำคัญกับจำนวนเสียงฝ่ายรัฐบาลเป็นพิเศษ กับไม่ให้ความสำคัญเชิงปริมาณอีกต่อไป น้อยลงบ้างก็ได้ แต่สิ่งจำเป็นยิ่งต้องทบทวน คือไม่ว่าอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ครบทุกพรรคทุกเสียง เจรจาต่อรองตกลงกันได้ด้วยดี หรือจำเป็นต้องบั่นทิ้งบางพรรคบ้าง รัฐบาลต้องรวมใจ ปรับวิธีการบริหาร จัดการแก้ปัญหาประเทศ ผลิตผลงานเป็นชิ้นอัน ในยามที่สังคมยังพร้อมให้โอกาส เวลาพิสูจน์ตัว เพื่อให้ประชาชนยอมรับ ว่าฝากผีฝากไข้ได้ในทุกสถานการณ์ แม้วิกฤต ยากเย็นเพียงใดก็ตาม
⦁….ไม่แปลกนักดอก ที่ จตุพร บุรุษพัฒน์ มีชื่่อโดดเด่น ระดับมือวางในการปรับ ครม.ครั้งนี้ ตลอดห้วงหลายปีแห่งการเป็นแม่ทัพฝ่ายประจำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดตุ๋มใช้ความรู้ ความสามารถ ขับเคลื่อนงานแก้ปัญหาในหน้าที่ อำนาจลุล่วงด้วยดี เข้าตาฝ่ายการเมือง มาแล้วนักต่อนัก ล่าสุด นายกฯมอบหมายงาน แก้ปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่อุทยาน ตามแนวชายแดน ซึ่งไม่มีเส้นทางเข้าถึงป่า ทำให้การปฏิบัติงานของกองทัพ และเจ้าหน้าที่พลเรือนเป็นได้ด้วยความยากลำบากและล่าช้า และอีกปัญหาชายแดนพม่า ที่มีคนไว้วางใจ ซื้อไอเดียแก้สูตรพื้นฐาน และพิเศษ
⦁….ปัญหารุมเร้าถาโถมรัฐไทย ตะเข็บชายแดนฝั่งกัมพูชา พม่า และมาเลเซีย เดือด-ยุ่งคนละแบบ สงครามการค้า ส่งผลกระทบทั้งทางตรงทางอ้อมซ้ำเติม เศรษฐกิจไทย ปัญหาภายรัฐบาลที่ดูเหมือนเป็นปัจจัยควบคุม บริหารจัดการได้ เอาเข้าจริงก็ไม่ง่าย สภาพการณ์เป็นอย่างที่เห็น นักวิชาการ กูรูผู้คร่ำหวอดการเมืองฟันธงเห็นตรงกัน ไม่ว่าใครมา ใครไป ทัพเก่า ขุนพลบริหารใหม่ โมเดลผสมไฮบริด ไม่เกินปีหน้า มีเลือกตั้งใหญ่ทั่วไป 2570 แค่ปีในฝันห่างไกลความจริง
ปักหมุด