ไทยเสี่ยง สูญเสียการลงทุนจากใน-ต่างประเทศ จากภาษี ทรัมป์ 2.0
Earn economy July 11, 2025 10:21 AM

นักวิชาการชี้ ไทยเสี่ยงสูญเสียการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จากภาษี ทรัมป์ 2.0 ที่ไทยจะถูกเก็บ 36% หากเจรจาไม่ได้ แนะรัฐบาลต้องหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หวั่น จีดีพีไทยปีนี้โต 1% ส่งออกโตต่ำกว่า 5% ขณะที่ กลุ่มอัญมณีฯ ช้ำส่งออกลำบาก

นายอัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และในฐานะที่ปรึกษาบริษัท อินเทลลิเจนท์ รีเสิร์ช คอนซัลแตนท์ (ไออาร์ซี) เปิดเผยกับ ”ประชาชาติธุรกิจ“ ว่า กรณีที่ไทยถูกสหรัฐเก็บอัตราภาษีที่ 36% มองว่าการส่งออกของไทยไปในตลาดสหรัฐมูลค่าจะลดลงเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาโดยปี 2567 มูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐอยู่ที่ 63,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีนี้จะเหลือ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหายไปประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้นำเข้าจากสหรัฐจะหันไปนำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มส่งออกสำคัญของไทย

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่ไปตลาดสหรัฐ อย่างเช่น สินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนสินค้ากลุ่มเกษตร เช่น ข้าวผลไม้ ผักสด ประมง เป็นต้น โดยสินค้าเหล่านี้มีแนวโน้มที่ผู้นำเข้าจากสหรัฐ จะหันไปนำเข้าจากประเทศอื่น ที่มีภาษีนำเข้าสินค้าถูกกว่าไทย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย หรือกลุ่มประเทศ CLMV 

“ไทยจะสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน จากการถูกเก็บภาษี 36% ประกอบกับต้นทุนการผลิตของไทยก็ยังสูงกว่าหลายประเทศ ทำให้มีโอกาสว่า สหรัฐจะมีคำสั่งซื้อสินค้าจากไทยลดลง อีกทั้ง มีโอกาสว่ากำลังการผลิตสินค้าในประเทศไทย อาจจะชะลอตัว การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศมีโอกาสลดลง นักลงทุนที่ลงทุนในไทยอยู่ก็มีโอกาสที่จะขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราภาษีถูกกว่า”

อย่างไรก็ดี ยังมองว่าโอกาสที่ไทยจะถูกเก็บภาษีลดลงจาก 36% เป็นไปได้ยาก จากระยะเวลาการเจรจาที่เหลือ ก่อนที่จะครบกำหนดที่สหรัฐมีการประกาศไว้ โดยจากปัญหาที่เกิดขึ้น คาดว่าจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 นี้ ขยายตัวได้เพียง 1% ขณะที่ ภาพรวมการส่งออกของไทยไปในตลาดโลกอาจจะโตต่ำกว่า 5% ได้ ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาดูแล คือ การวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรองรับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์สมาคมอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ ”ประชาชาติธุรกิจ“ ว่า จากการประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของไทยไปตลาดสหรัฐ 36% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้ ในภาพรวมของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปในตลาดสหรัฐ โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีผลกระทบ และการส่งออกจะลำบากขึ้น คำสั่งซื้อมีโอกาสที่จะชะลอตัว ถ้าเทียบจากในช่วงครึ่งปีแรก ที่มีคำสั่งซื้อและการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าตลาดสหรัฐถือว่าเป็นตลาดสำคัญในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ หากประเทศไทยมีการถูกเก็บอัตราภาษีที่ 36% ก็เชื่อว่าการส่งออกของไทยจากนี้จะยากขึ้น ขณะที่ คู่แข่งสำคัญ เช่น อินเดีย เกาหลีใต้ ก็จะต้องติดตามในเรื่องการถูกเก็บอัตราภาษีเท่าไร

ส่วนการมองตลาดใหม่ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องยาก ถ้าหากจะทดแทนตลาดสหรัฐ พร้อมกันนี้หากดูมูลค่าการส่งออกทั้งปีของอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2568 ก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะขยายตัวเท่าไหร่ ถ้าเทียบจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.