การแข่งขันฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นัดชิงชนะเลิศ “สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี จากอังกฤษ เจอกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส
เกมนี้เชลซีส่ง ชูเอา เปโดร, โคล พาลเมอร์, เปโดร เนโต ลงสนาม ขณะที่เปแอสเชนำทัพโดย อุสมาน เดมเบเล, เดซิเร ดูเอ, ควิชา ควารัตสเคเลีย
ครึ่งแรกนาที 22 มาโล กุสโต บุกเข้าทางด้านขวาของเขตโทษ จากนั้นล็อกบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วยิงไปติดบล็อกกองหลัง กุสโตยังคงเก็บบอลได้แล้วไหลต่อให้ โคล พาลเมอร์ บรรจงยิงด้วยซ้ายลูกพุ่งเรียดเสียบมุม เชลซีนำ 1-0
นาที 30 เกมรับเชลซีตัดบอลได้ในแดนตัวเองแล้วสวนกลับ ลีวาย โคลวิลล์ วางบอลขึ้นหน้าให้ โคล พาลเมอร์ สปีดขึ้นมารับ จากนั้นพาลเมอร์ดึงจังหวะหลอกผู้เล่นเปแอสเชจนสบช่องพาบอลเข้าเขตโทษแล้วยิงเสียบมุมแบบนิ่มๆ “สิงโตน้ำเงินคราม” ทิ้งห่าง 2-0
นาที 43 โคล พาลเมอร์ แผลงฤทธิ์อีกครั้ง คราวนี้แทงบอลทะลุช่องให้ ชูเอา เปโดร หลุดเข้าเขตโทษแล้วยิงผ่านนายทวารเข้าประตูไป เชลซีนำห่างเมื่อจบครึ่งแรก 3-0
ครึ่งหลังนาที 86 ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ย้อนหลังจังหวะที่ ชูเอา เนเวส เจตนาเล่นนอกเกมด้วยการกระชากผม มาร์ก กูกูเรยา ก่อนจะแจกใบแดงไล่เนเวสออกจากสนาม เปแอสเชจึงเหลือผู้เล่น 10 คน ก่อนที่เชลซีจะชนะไป 2-0
เชลซีจึงคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากเมื่อปี 2021 และยังนับเป็นสโมสรแรกที่ได้แชมป์ภายใต้รูปแบบการแข่งขันแบบใหม่ด้วย
รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันตกเป็นของ โคล พาลเมอร์ (เชลซี) ด้านรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมเป็นของ เดซิเร ดูเอ (เปแอสเช) ส่วนรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมเป็นของ โรเบิร์ต ซานเชซ (เชลซี)
ขณะที่ตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดมีด้วยกัน 4 คน ได้แก่ อังเคล ดิ มาเรีย (เบนฟิกา), กอนซาโล การ์เซีย (เรอัล มาดริด), เซรู กิราสซี (โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์) และมาร์กอส เลโอนาร์โด (อัล ฮิลัล) ยิงได้คนละ 4 ประตูเท่ากัน
(REUTERS/Mike Segar)
(REUTERS/Lee Smith)
(REUTERS/Lee Smith)
(REUTERS/Hannah Mckay)
(REUTERS/Mike Segar)
(IMAGN IMAGES via Reuters/Mark Smith)
(REUTERS/Hannah Mckay)
(AP Photo/Seth Wenig)
(REUTERS/Kai Pfaffenbach)
(REUTERS/Lee Smith)
(AP Photo/Matt Slocum)
(REUTERS/Hannah Mckay)
