น่าน วิกฤติ "พายุวิภา" ถล่มน้ำท่วมทั้งเมืองน่าน หนักสุด อ.ปัว-ท่าวังผา ขณะที่เทศบาลเมืองน่าน พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ต้านน้ำไม่อยู่ มวลน้ำได้ทะลักข้ามผนังกั้นน้ำเข้าที่ชุมชนบ้านดอนแก้ว เร่งประกาศแจ้งอพยพ เก็บของขึ้นที่สูง เบื้องต้ยบ้านเรือนเสียหาย 243 ครัวเรือน พบผู้สูญหาย 1 ราย

วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดน่านเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หลังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอด 48 ชั่วโมง ส่งผลให้แม่น้ำน่านมีระดับน้ำเกินจุดวิกฤติในทุกสถานี โดยเฉพาะจุดวัดระดับน้ำ N1 ในเขตอำเภอเมืองน่าน พบว่าระดับน้ำสูงเกินพนังกั้นน้ำกว่า 9 เมตร ทำให้มวลน้ำไหลทะลักข้ามพนังกั้นน้ำ เข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจใจกลางเมือง

พื้นที่ได้รับผลกระทบขณะนี้รวมแล้ว 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองน่าน, ปัว, ท่าวังผา, เวียงสา, ภูเพียง, เชียงกลาง และเฉลิมพระเกียรติ รวมความเสียหายเบื้องต้น 26 ตำบล 39 หมู่บ้าน ประชาชนกว่า 243 ครัวเรือนได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะอำเภอท่าวังผา มีน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตรในหลายพื้นที่ เช่น บ้านสบหนอง และบ้านดอนตัน ขณะเดียวกันยังพบรายงานผู้สูญหาย 1 ราย คือนายภัคพล ศิริ อายุ 21 ปี จากกรณีออกไปดูระดับน้ำบริเวณสะพานบ้านดอนมูล-ดอนตัน ต.ศรีภูมิ ล่าสุดยังไม่สามารถค้นหาได้เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว

ในเขตเทศบาลเมืองน่าน น้ำจากแม่น้ำน่านได้ทะลักข้ามแนวป้องกันน้ำท่วมและผุดขึ้นจากท่อระบายน้ำ เข้าท่วมเขตชุมชนเศรษฐกิจใจกลางเมือง โดยเฉพาะชุมชนบ้านดอนแก้ว ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ส่วนชุมชนบ้านดอนศรีเสริม และบ้านท่าลี่-พวงพยอม ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้เก็บของขึ้นที่สูง พร้อมระดมเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ด้านนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ระดมทุกหน่วยงานเพื่อเสริมแนวป้องกันน้ำ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่น้ำเริ่มล้น เช่น บริเวณบ้านหัวเวียงเหนือ ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง ได้มีการวางบิ๊กแบ็กเพิ่มเพื่อชะลอการไหลเข้าพื้นที่ชั้นใน พร้อมยืนยันว่าจังหวัดมีความพร้อมด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องใช้จำเป็น ซึ่งได้ประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล รวมถึงมูลนิธิภาคเอกชนจากหลายจังหวัดเข้าร่วมสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านยังคงขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพออกจากบ้านทันทีเมื่อมีการแจ้งเตือน และหากยังต้องอยู่ในบ้าน ขอให้จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นให้พร้อมใช้งานอย่างน้อย 3 วัน พร้อมเตือนให้ติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด