กฟภ.ส่งหนังสือถึง สมช. สอบถามความชัดเจนการใช้ไฟฟ้าของกัมพูชา หากพบไม่มีความต้องการใช้แล้วจะยกเลิกสัญญาซื้อขาย พร้อมเผยซ่อมเสาและสายไฟที่เสียหายจากระเบิดแล้ว 90%อีก 10% ยังไม่สามารถส่งเจ้าหน้าที่แก้ไขได้ รอเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัยก่อน
30 ก.ค. 2568 – นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา เสาและสายไฟฟ้าบางส่วนได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงเข้ามายังไทย ส่งผลให้เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่ง กฟภ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าซ่อมบำรุงไปแล้ว 90% ยังเหลืออีกประมาณ 10% ที่ยังไม่สามารถเข้าซ่อมได้ เนื่องจากต้องรอให้ฝ่ายความมั่นคง ตรวจสอบสถานการณ์และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ กฟภ. เข้าซ่อมแซม ทั้งนี้เพื่อความปลอยภัยในชีวิต
ส่วนกรณีการขายไฟฟ้าให้กัมพูชานั้น ปัจจุบัน กฟภ. ยังมีสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ากับกัมพูชาอยู่ 9 จุด แต่ทางกัมพูชาได้ตัดการใช้ไฟฟ้าจากไทยทั้ง 9 จุดไปแล้ว ซึ่งในระบบของ กฟภ. ไม่พบการใช้ไฟฟ้าของกัมพูชาแต่อย่างใด และเมื่อเร็วๆ นี้ ทาง กฟภ. ได้ทำหนังสือถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อสอบถามต่อไปยังสถานทูตกัมพูชาว่ายังจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าไทยอยู่หรือไม่ และหากทาง สมช. สรุปตอบกลับมายัง กฟภ. ว่าไม่มีความจำเป็นแล้ว ทาง กฟภ. จะทำการยกเลิกสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของสัญญาอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ปัจจุบันทางกัมพูชาไม่ได้ติดค้างค่าไฟฟ้ากับ กฟภ. แต่อย่างใด
สำหรับไฟฟ้าที่เคยขายให้กัมพูชาประมาณ 50 เมกะวัตต์ ทาง กฟภ. จะหันไปจำหน่ายในพื้นที่ของประเทศไทยที่มีความต้องการแทน โดยยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการเลิกใช้ไฟฟ้าในครั้งนี้
นอกจากนี้ กฟภ. และพนักงานในสังกัดได้ร่วมกันบรรจุถุงยังชีพกว่า 2,000 ถุง เพื่อมอบให้กับผู้อพยพคนไทยตามศูนย์พักพิงจากการสู้รบไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ รวมไปถึงผู้ประสบอุทกภัยจากพายุวิภาใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ น่าน พิษณุโลก เชียงราย สุโขทัย แพร่ พร้อมกันนี้ กฟภ. ได้ดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ประชาชนจนสามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว 9 หมื่นราย ยังเหลืออีกประมาณ 4 หมื่นรายที่ต้องรอให้น้ำลดระดับก่อนเพื่อความปลอดภัยจึงจะกลับมาจ่ายไฟฟ้าได้