วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นางสาวธีราภา ไพโรหกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี และคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วมการประชุมเพื่อพิจารณาทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับศักยภาพของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนตามกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Program) ให้มีความชัดเจนและเป็นระบบต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยครอบคลุมทั้งมิติการสร้างความพร้อมด้าน AI (AI Readiness) และการประยุกต์ใช้ AI ในภาคส่วนต่าง ๆ (AI Adoption) และมีข้อสรุปสำคัญ 4 ประเด็น ดังนี้
1. เห็นชอบการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในลักษณะของกลุ่มภาคีเครือข่าย (Consortium) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือดังกล่าว
2. เห็นชอบแนวทางการยกระดับการทำงานให้เชื่อมโยงระหว่างโครงสร้างพื้นฐานและการประยุกต์ใช้ AI โดยจัดตั้ง ศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ (Center of Excellence:CoEs) ในสาขาต่าง ๆ เพื่อเร่งรัดการพัฒนาและบูรณาการการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นจำนวน 9 แห่ง ได้แก่
• ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการศึกษา
• ศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยปัญญาประดิษฐ์
• ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการเกษตร
• ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการท่องเที่ยว
• ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ
• ศูนย์ความเป็นเลิศด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการผลิต
• กลุ่มภาคีเครือข่ายด้านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ภาษาไทย
• ศูนย์การประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ภาครัฐ
• ศูนย์สอบเทียบสมรรถนะและทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์
นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติให้รับหลักการในการตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านความมั่นคงและความปลอดภัย (Safety and Security) เพิ่มอีกหนึ่งแห่ง
3. มอบหมายให้ศูนย์ความเชี่ยวชาญดำเนินการจัดทำแผนย่อยรายสาขา ครอบคลุมทั้งด้านความพร้อมและผู้ใช้งาน AI ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามกรอบที่วางไว้
4. เห็นชอบในหลักการของกรอบการใช้จ่ายงบประมาณการขับเคลื่อนตามกรอบการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 - 2570 และ รับทราบงบประมาณของภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ทั้งงบประมาณในแผนและนอกแผน รวมถึงเงินจากกองทุนของรัฐที่ได้ลงทุนไปแล้ว ซึ่งมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้เน้นย้ำการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน การยกระดับโครงสร้างและการประยุกต์ใช้ AI ผ่านศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ การจัดทำแผนย่อยรายสาขาเพื่อให้ดำเนินงานได้ตามกรอบที่กำหนด และการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI ของประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง